บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
เนื่องจากปัจจุบันโรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศมานาน โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออกนี้มีแนวโน้มการระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี และพบว่าประชากรที่ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกมากที่สุดจะเป็นกลุ่มเด็กวัยเรียน
แต่ปัจจุบันยังพบผู้ป่วยไข้เลือดออก ในผู้ใหญ่และมีการเกิดโรคไข้เลือดออกตลอดทั้งปี
การควบคุมป้องกัน โรคไข้เลือดออกให้ประสบผลสำเร็จ
และเกิดประสิทธิภาพนั้นจำเป็นต้องมีการให้ความรู้เกี่ยวกับ วงจรชีวิตของยุงลาย
พร้อมทั้งการกำจัดลูกน้ำยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก และรณรงค์ให้กลุ่มเด็กวัยเรียนได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาโรคไข้เลือดออก
และร่วมมือกันเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกนี้
ปัจจุบันประเทศไทยมีการรณรงค์โดยใช้สื่อต่างๆมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางโทรทัศน์ สื่ออินเตอร์เน็ต และสื่อที่จัดทำในรูปแบบของหนังสือ การออกแบบหนังสือสามมิติ จึงเป็นส่วนหนึ่งของสื่อสิ่งพิมพ์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งหนังสือสามมิติ จะมีลักษณะที่โดดเด่น ในเรื่องของภาพประกอบ มีตัวหนังสือ แล้วยังมีสิ่งอื่นที่แปลกไปจากหนังสือธรรมดา ภาพประกอบของหนังสือสามมิติจะยื่นออกมาจากพื้นของกระดาษได้ เมื่อหนังสือถูกเปิดขึ้น และภาพจะถูกพับเก็บลงไป เมื่อปิดหนังสือลง ลักษณะเด่นของหนังสือสามมิติจะมีกลไกที่ซับซ้อน จึงสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับเด็ก เพื่อให้เด็กในยุคปัจจุบันหันมาสนใจในการอ่านหนังสือมากยิ่งขึ้น
จากปัญหาข้างต้น ผู้วิจัยจึงคิดออกแบบหนังสือที่เกี่ยวกับ
ยุงลาย ในรูปแบบของ หนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย”
โดยมีขนาด 21X 21 เซนติเมตร ภาพประกอบ Pop-up จำนวนหน้าทั้งหมด 14 หน้า จำนวน
1 เล่ม เพื่อตอบสนองกลุ่มเด็กวัยเรียน อายุ 6-12 ปี ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะทำให้เด็กได้รับข้อมูลในเรื่อง“วงจรชีวิตของยุงลาย” พร้อมทั้งนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเด็กจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้จัดทำ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษากระบวนการออกแบบ
หนังสือสามมิติ
2. เพื่อเป็นสื่อในการนำเสนอเรื่อง
วงจรชีวิตของยุงลาย ได้อย่างชัดเจน
3. เพื่อเป็นการออกแบบ
หนังสือสามมิติ ให้เกิดเสน่ห์และความน่าสนใจในการดึงดูดผู้อ่าน
สมมติฐาน
จากความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาการออกแบบหนังสือสามมิติผู้ศึกษาวิจัยได้มีแนวคิดและลายละเอียดการออกแบบไว้เพื่อตอบสนองกลุ่มเด็กวัยเรียน
อายุ 6-12 ปีเนื้อเรื่องสามารถเป็นข้อมูลให้กับเด็กวัยเรียน
อายุ 6-12 ปี ได้ศึกษาในเรื่องวงจรชีวิตของยุงลาย
ได้อย่างเข้าใจและชิดเจนสามารถนำความรู้ที่ได้ศึกษาจาก
หนังสือสามมิติเล่มนี้นำไปใช้ร่วมกับชีวิตประจำวันได้
ดังนั้นผู้ศึกษาวิจัยจึงได้มีแนวคิดในการออกแบบหนังสือเกี่ยวกับยุงลายในรูปแบบของหนังสือสามมิติเรื่อง“วงจรชีวิตของยุงลาย”โดยหนังสือสามมิติเล่มนี้ใช้กระดาษอาร์ตการ์ด300
แกรมหนังสือสามมิติเล่มนี้จะมีขนาด21X
21เซนติเมตรภาพประกอบ
Pop-upจำนวนหน้าทั้งหมด14หน้าจำนวน 1เล่มโดยใช้โปรแกรม Adobe Illustrator
CS6ในการออกแบบหนังสือสามมิติเรื่อง“วงจรชีวิตของยุงลาย”เล่มนี้ มีขั้นตอนการทำเริ่มจากการร่างแบบตามเนื้อหาซึ่งแบ่งเป็นปกหน้าและปกหลัง,ส่วนที่ 1 วงจรชีวิตของยุงลาย, ส่วนที่ 2 ลักษณะของยุงลาย และแหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย,
ส่วนที่ 3 โรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นได้อย่างไร,
ส่วนที่ 4 วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก,ส่วนที่5 วิธีการป้องกันและกำจัดลูกน้ำ,ยุงลาย, ส่วนที่6 ผลของการป้องกันโรคไข้เลือดออก ในการออกแบบและสร้างสรรค์หนังสือสามมิติเล่มนี้เนื้อหาจะเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับยุงลาย การจัดทำครั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นให้หนังสือสามมิติเล่มนี้มีความโดดเด่นเพราะภาพประกอบบางส่วนในหนังสือเล่มนี้จะยื่นขึ้นมาจากพื้นของกระดาษ สร้างความน่าสนใจและสร้างความตื่นตาตื่นใจระหว่างการอ่าน
เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เด็กหันมาอ่านหนังสือกันมากยิ่งขึ้น
ขอบเขตของการศึกษา
ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้
เป็นการศึกษาวิจัยเพื่อการออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่อง วงจรชีวิตของยุงลาย ผู้วิจัยกำหนดขอบเขตของการศึกษาไว้
ดังนี้
1. เนื้อเรื่อง (CONCEPT)
2. แบบร่างภาพประกอบ (IDEA SKETCH)
3. เนื้อเรื่องและแบบร่างที่ทำการสรุป (CONCEPT SKETCH)
4. รูปเล่ม (DUMMY)
5. แบบที่สมบูรณ์ที่นำไปผลิต (ART WORK)
นิยามศัพท์เฉพาะ
หนังสือสามมิติ (Pop-up
books) คือ
สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทหนึ่ง ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้อ่าน รูปเล่มนอกจากจะมีภาพ มีตัวหนังสือ แล้วยังมีสิ่งอื่นที่แปลกไปจากหนังสือธรรมดา ภาพประกอบในหนังสือจะโผล่ออกมาจากพื้นของกระดาษได้ เมื่อหนังสือถูกเปิดขึ้น และภาพจะถูกพับเก็บลงไป เมื่อปิดหนังสือลง ลักษณะเด่นของหนังสือสามมิติ
อยู่ที่ความน่าตื่นตาตื่นใจ จากการที่มีกลไกที่ซับซ้อนสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ โดยที่เนื้อหาจะเป็นเรื่องราวเดียวกันทั้งเล่ม
Pop-up
หมายถึง จอภาพที่เป็นวินโดว์เล็กๆ
ผุดขึ้นมาในขณะที่คุณเปิดเว็บเพจอาจจะเป็นการโฆษณาสินค้าหรือแจ้งข่าวสาร
บางอย่างให้คุณได้รับทราบ
แต่ที่เป็นปัญหาก็คือมันผุดขึ้นมามากจนเกินไปสร้างความรำคาญรวมทั้งอาจจะ
เป็นช่องทางให้ Spyware
, Virus ฯลฯ
เข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้
Pop-up
สามารถประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจอย่างน่าสนใจ
นั่นคือ นำมาใช้ในการสร้างเอาท์เลตที่สามารถขายสินค้าหรือตอบสนองลูกค้าได้
แต่เป็นลักษณะแบบป๊อปอัพ
คือผลุบโผล่ขึ้นมาตามระยะเวลาที่กำหนด
ตามสถานที่ที่เหมาะสม
เป็นครั้งคราวมิใช่ตั้งหน้าร้านอยู่ถาวรแบบการตั้งร้านปกติ
ประโยชน์ที่ได้จากการทำ
“ป๊อปอัพเอาท์เลต” เป็นการสร้างความตระหนักในแบรนด์ของกิจการ
โดยการตั้งหน้าร้านแบบป๊อปอัพนี้
สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลไกการส่งเสริมการตลาดได้อย่างดี
เนื่องจากอาจจะเป็นการไปตั้งร้านนี้
ในแหล่งชุมชนที่กิจการเราไม่เคยเข้าไปเจาะตลาดอย่างจริงจังและไม่เคยมีหน้า
ร้านเรามาก่อน เป็นการสร้างความคุ้นเคยให้กับลูกค้าในเบื้องต้นไปโดยอัตโนมัติ
การทำป๊อปอัพเอาท์เลต
ยังเป็นเสมือนหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่เป็นที่นิยมมากขณะนี้
นั่นคือ การทำ “อีเวนท์มาร์เก็ตติ้ง” ซึ่งจะเป็นการจัดตั้งหน้าร้านสำหรับอีเวนท์ต่างๆ
ที่นิยมกันมาก เช่น การจัดหน้าร้านสำหรับการแข่งขัน
โดยกิจการจะมีการจัดอีเวนท์ให้ลูกค้าสาธารณชนทั่วไป
เข้ามาทำการแข่งขันในประเด็นที่น่าสนใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
อาจจะเป็นการแข่งขันเพื่อนำเสนอไอเดียของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ในธุรกิจนั้น ช่วยในการสร้างประสบการณ์และภาพลักษณ์ที่ดี
ให้กับลูกค้าด้วย โดยจะมีการจัดตกแต่งหน้าร้าน
สภาพแวดล้อมต่างๆ ภายในร้าน รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ
ให้เหมาะสมกับการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจกับลูกค้า
ในการเข้ามาทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ของกิจการภายใต้สถานการณ์จำลอง
ที่จะสร้างความน่าสนใจได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องสร้างหน้า
ร้านขึ้นมาอย่างถาวร
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.
ได้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการออกแบบ หนังสือสามมิติ
2. ได้หนังสือสามมิติ
ที่ได้ทำการออกแบบและผลิตด้วยตนเอง
3. ได้แนวคิดในการทำหนังสือสามมิติ
4. ได้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตหนังสือสามมิติ
ที่ได้ทำการออกแบบครั้งนี้
บทที่ 2
การศึกษาข้อมูล
และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากการศึกษาวิจัยการออกแบบหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” ครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ตรงตามแนวความคิดที่กำหนดไว้ และผลงานที่ถูกต้องตามหลักทฤษฎีและการจัดองค์ประกอบต่างๆ มีการศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1. การออกแบบหนังสือสามมิติ
2. รายละเอียดโปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบงานกราฟิก
3. เนื้อหาเกี่ยวกับยุงลาย
4. หลักการออกแบบภาพประกอบ
5. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1 การออกแบบหนังสือสามมิติ
หนังสือสามมิติ
(Pop-up
books) คือ สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทหนึ่ง
ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้อ่าน รูปเล่มนอกจากจะมีภาพ มีตัวหนังสือ แล้วยังมีสิ่งอื่นที่แปลกไปจากหนังสือธรรมดา
ภาพประกอบในหนังสือจะโผล่ออกมาจากพื้นของกระดาษได้ เมื่อหนังสือถูกเปิดขึ้น
และภาพจะถูกพับเก็บลงไป เมื่อปิดหนังสือลง ลักษณะเด่นของหนังสือสามมิติ อยู่ที่ความน่าตื่นตาตื่นใจ
จากการที่มีกลไกที่ซับซ้อนสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
โดยที่เนื้อหาจะเป็นเรื่องราวเดียวกันทั้งเล่ม
1.1 ส่วนประกอบของหนังสือสามมิติ
หนังสือสามมิติ (Pop-up books) ถือเป็นสื่อสารสนเทศส่วนหนึ่งในปัจจุบัน
เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์จากหนังสืออย่างเต็มที่ ผู้อ่านควรที่จะทราบถึงส่วนประกอบของหนังสือสามมิติ เพื่อประกอบในการประเมินคุณค่าของหนังสือสามมิติ และช่วยให้อ่านหนังสือสามมิติ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลาอีกด้วย ส่วนประกอบของหนังสือสามมิติ แบ่งเป็น
4 ส่วน คือ
1.1.1 ส่วนปกประกอบด้วย
- ใบหุ้มปก (Book
jacket) คือกระดาษหุ้มปกหนังสือ เพื่อรักษาปกนอกให้ใหม่อยู่เสมอ มีสีสันสวยงามหรือมีภาพประกอบ
อาจมีประวัติของผู้แต่ง มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน
- ปกหนังสือ (Cover) เป็นปกแข็ง เพื่อรักษารูปเล่มของหนังสือให้คงทนถาวร
- สันหนังสือ
(Spine) คือส่วนกลางระหว่างปกหน้าและปกหลัง สำหรับช่วยยึดปกไว้ให้คงทน
- ใบยึดปก
(End Papers) เป็นกระดาษที่ปะติดกับปกนอกด้านในทำให้หนังสือแข็งแรง
และคงทนขึ้น
1.1.2 ส่วนต้นเล่ม
ประกอบด้วย
- ใบรองปก (Fly Leaves) เป็นกระดาษเปล่า
ทำหน้าที่ยึดปกกับเล่มหนังสือเข้าไว้ด้วยกัน
- หน้าปกใน (Title Page) เป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของหนังสือเพราะจะให้รายละเอียดที่สมบูรณ์ที่ สุดของหนังสือ
- หน้าลิขสิทธิ์ (Copyright Page) อยู่หลังหน้าปกใน แสดงให้ทราบถึงจำนวนครั้งที่จดลิขสิทธิ์
ปีที่จดลิขสิทธิ์แต่ละครั้ง และผู้ที่ถือลิขสิทธิ์ (ลิขสิทธิ์ หมายถึง การคุ้มครอง
และรับรองสิทธิของผู้เขียน และผู้จัดทำ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นลอกเลียนแบบ
หรือคัดลอก พิมพ์โฆษณาเพื่อการค้า) หน่วยงานที่รับผิดชอบในการจดลิขสิทธิ์ของประเทศไทย
คือ หอสมุดแห่งชาติ
- หน้าประกาศคุณูปการ (Acknowledgement) เป็นหน้าหนังสือที่ผู้จัดทำ หนังสือสามมิติ (Pop-up books) กล่าวขอบคุณ ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือในการแต่ง หนังสือสามมิติ (Pop-up
books) จะมีประโยชน์สำหรับผู้อ่าน คือทำให้ทราบชื่อบุคคลที่ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือสามมิติ
(Pop-up books)
1.1.3 ส่วนเนื้อหา
คือรายละเอียดของหนังสือสามมิติ (Pop-up books) เริ่มจากหน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย
หนังสือสามมิติ (Pop-up books) บางเล่มอาจมีบทนำ (Introduction) เป็นบทแรกของหนังสือ
ซึ่งเป็นบทที่เกริ่นเรื่อง ก่อนนำผู้อ่านเข้าสู่เนื้อหาเรื่องราวที่มีบทสรุปและข้อเสนอแนะเป็นบทสุดท้ายเพื่อเสริมเนื้อหาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
1.1.4 ส่วนอ้างอิงและเพิ่มเติม
(Auxiliary pages) ประกอบด้วย
- เชิงอรรถ
(Footnotes) คือ ส่วนที่อธิบายข้อความบางตอนที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง
บอกให้ทราบถึง แหล่งที่มาของข้อความว่ามาจากแหล่งใด หรือส่วนเพิ่มของข้อความตอนนั้น เป็นการอ้างอิงที่อยู่ส่วนล่างสุดของหน้ากระดาษ
- ภาคผนวก (Appendix) ส่วนของเนื้อหาที่นำมาเพิ่มเติมที่ไม่ใช่เนื้อหาที่แท้จริงของหนังสือแต่นำมาเพื่อประกอบเนื้อเรื่องที่ผู้จัดทำเรียบเรียงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- บรรณานุกรม
(Bibliography) เป็นส่วนที่อ้างถึงหนังสือ หรือวัสดุอื่นที่นำมาประกอบการจัดทำ หนังสือ
ในบางครั้งอาจใช้คำว่า หนังสืออ้างอิง หรือ เอกสารอ้างอิง
1.2 การเข้าเล่ม
1.2.1 เข้าเล่มกาวหัว
การเข้าเล่มแบบนี้ใช้สำหรับพวกใบเสร็จต่างๆ หรือไม่ก็สมุดฉีก
เป็นการเข้าเล่มสำหรับฉีกออกไปใช้โดยเฉพาะ คือการนำเอากระดาษมาเรียงกันเป็นตั้ง
แล้วเอากาวลาเท็กซ์ ทาที่ขอบด้านบนที่สัน ตรงหัวกระดาษ เรียกว่า “กาวหัว”
1.2.2
เข้าเล่มแบบไสกาว (ไสสันทากาว) ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนิตยสาร
พ็อคเก็ตบุคส์ หนังสือเรียน โดยการนำเอากระดาษที่เรียงหน้าเป็นเล่มแล้ว มาไสด้านข้างให้เป็นขุยก่อนแล้วจึงทากาว
การยึดติดจะดี เรียกว่า “ไสกาว”
1.2.3 การเข้าเล่มแบบเย็บอก หรือมุงหลังคา โดยทั่วไปจะเป็นสมุดของนักเรียนนักศึกษาหรือหนังสือที่มีจำ นวนหน้าไม่เกิน
80 หน้า โดยนำเอากระดาษทั้งเล่มมาเรียงกันแล้วพับครึ่งตามแนวตั้งจากนั้นใช้ลวดเย็บกระดาษเย็บ
1.2.4 การเข้าเล่มแบบเย็บกี่
เป็นการเย็บเล่มที่ทนทานมากที่สุพด โดยทั่วไปจะเป็นพจนานุกรม ดิคชันนารี สารานุกรม
เล่มใหญ่ๆ จำนวนหน้ามากๆ โดยการนำเอากระดาษทั้งเล่มมาแยกออกเป็นส่วนย่อยหลายๆส่วน
แล้วเย็บแยกแต่ละส่วนเป็นเล่มเหมือนการเย็บแบบมุงหลังคาแต่ใช้ด้ายเย็บ
จากนั้นเอาเล่มย่อยๆมาร้อยเป็นเล่มใหญ่อีกที แล้วจึงหุ้มด้วยปกอีกชั้น
1.3 ภาพประกอบหนังสือสามมิติ (Pop-up
books)
ภาพประกอบหนังสือสามมิติ
(Pop-up
books) ที่ต้องการเน้นให้เกิดคุณค่าทางความงาม
และความตื่นตาตื่นใจของภาพประกอบ ที่จะทำหน้าที่ในการถ่ายทอดจินตนาการออกมาเป็นรูปแบบ
Pop-up เพื่อวางแนวทางในการนำเสนอตามแนวความคิด
ไปจนถึงการออกแบบ การจัดวางภาพประกอบ เพื่อต้องการให้เกิดประสิทธิผลในการสื่อสารมากที่สุด
วัตถุประสงค์ของการออกแบบเพื่อมาใช้สร้างสรรค์ในงานออกแบบกราฟิค
1.3.1 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างความโดดเด่นของสิ่งพิมพ์ ทำให้ผู้ดูหรือผู้อ่านได้รับรู้และยอมรับในรูปแบบของหนังสือ
ลักษณะเด่นเฉพาะ และส่วนประกอบต่างๆ ในงานพิมพ์
1.3.2 เพื่อสร้างสรรค์ความสวยงามทางด้านศิลปะของสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อถึงความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและนำเสนอภาพประกอบ
Pop-up เพื่อการนำเสนอที่แปลกใหม่ขึ้นมา
และเน้นการสร้างคุณค่าทางความสวยงามและความโดดเด่น เป็นการพัฒนาความคิด ความรู้สึก
ตลอดจนการก่อให้เกิดความงอกงามทางจิตใจ
1.3.3 เพื่อดึงดูดความสนใจแก่ผู้อ่านและกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบภาพประกอบ Pop-up การจัดวาง หรือเนื้อหาภายในภาพประกอบ Pop-up ตลอดจนสีสันและภาพประกอบ Pop-up ที่ปรากฎจะเป็นส่วนกระตุ้นให้เกิดความสนใจและตื่นตาตื่นใจไปในขณะเดียวกัน
1.3.4 เพื่อให้การนำเสนอข้อมูลเกิดความง่ายในการจดจำ ภาพประกอบ
Pop-up และแนวทางการออกแบบนั้นจะทำให้เกิดความชัดเจนของเนื้อหาสาระมากยิ่งขึ้น
ภาพประกอบ Pop-up จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายที่ผู้จัดทำต้องการสื่อได้ง่ายยิ่งขึ้น
เอกลักษณ์ของการออกแบบจะช่วยเน้นความทรงจำได้ดียิ่งขึ้น
1.3.5 เพื่อปกปิดความด้อยในคุณภาพของวัสดุการพิมพ์ อาจจะเป็นเหตุผลในด้านงบประมาณ
หรือเรื่องของวัสดุที่มีอยู่ เป็นเหตุผลประกอบที่ทำให้สิ่งพิมพ์นั้นด้อยความน่าสนใจลงไปบ้าง
ภาพประกอบ Pop-up และการออกแบบที่ดีจะช่วยดึงดูดความสนใจและลดความสนใจเกี่ยวกับจุดด้อยลงไปได้บ้าง
1.3.6 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อความหมายของภาพประกอบ
Pop-up การออกแบบและการใช้ภาพประกอบ
Pop-up ที่เหมาะสมจะช่วยให้สื่อความหมายได้ตรงตามวัตถุประสงค์และเข้าใจได้ง่าย
ใช้เวลาน้อยนิด และเพิ่มความชัดเจนของสาระได้มากยิ่งขึ้น
1.4 ความรู้เกี่ยวกับระบบพิมพ์
1.4.1 วิธีการพิมพ์ (Offset) มีดังนี้
- Sheet Offset พิมพ์กระดาษแผ่น
- Web Offset พิมพ์กระดาษม้วน
1.4.2 ขนาดของสิ่งพิมพ์ (Size) ไม่ควรให้เสียเศษ
1.4.3 จำนวนพิมพ์ (Print
run)
- สีพิมพ์ 4 สี Full Color (F/C)
- สีพิเศษ Spot Color
- ขาว-ดำ Black สีเดียว (B/W)
1.4.4 ชนิดของกระดาษ
ชนิดของกระดาษเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่แปรผันตรงกับต้นทุนการพิมพ์
กระดาษที่ดีมีคุณภาพสูงจะให้งานที่ออกมาดูดี สวยงามและคงทน แต่ก็จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นตามไปด้วย
เหมาะกับงานที่ต้องการความประณีตสูง เก็บไว้ใช้งานได้นาน กระดาษคุณภาพรองลงมาอาจจะใช้สำหรับงานที่ไม่ต้องการความสวยงามมาก
หรือไม่ต้องการเก็บไว้นาน เช่น ใบปลิวหรือหนังสือพิมพ์ นอกเหนือจากกระบวนการพิมพ์ที่มีสีสันสดใสสวยงามแล้ว
ครีเอทีฟ ดิจิตอล ปริ้นท์
(Creative Digital Print) ยังมีบริการที่ทำให้งานปริ้นท์หรืองานพิมพ์ของคุณสวยงาม
น่าสนใจ และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชนิดของกระดาษที่ใช้ในงานพิมพ์
- กระดาษอาร์ต
(ArtPaper)
กระดาษชนิดนี้เนื้อจะแน่น ผิวเรียบ เหมาะสำหรับงานพิมพ์สี่สี เช่น โปสเตอร์
โบรชัวร์ ปกวารสาร ฯลฯ มีให้เลือกหลายแบบ ได้แก่กระดาษอาร์ตมัน เนื้อกระดาษเรียบ เป็นมันเงา
พิมพ์งานได้ใกล้เคียงกับสีจริง สามารถเคลือบเงาได้ดี ความหนาของกระดาษมีดังนี้ 85
แกรม, 90 แกรม, 100 แกรม,
105 แกรม, 120 แกรม ,130 แกรม, 140 แกรม, 160 แกรมกระดาษอาร์ตด้าน
เนื้อกระดาษเรียบ แต่เนื้อไม่มัน พิมพ์งานสีจะซีดลงเล็กน้อย แต่ดูหรู
ความหนาของกระดาษมีดังนี้ คือ 85 แกรม 90 แกรม 100 แกรม 105 แกรม
120 แกรม 130 แกรม 140 แกรม
160 แกรม กระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า
เป็นกระดาษอาร์ตที่หนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป
เหมาะสำหรับพิมพ์งานโปสเตอร์ โปสการ์ด ปกหนังสือ หรืองานต่างๆ ที่ต้องการความหนา
กระดาษอาร์ตการ์ด 1 หน้า เป็นกระดาษอาร์ตที่มีความแกร่งกว่ากระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า หนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป เหมาะสำหรับพิมพ์งานที่ต้องการพิมพ์แค่หน้าเดียว เช่น กล่องบรรจุสินค้าต่างๆ โปสเตอร์ โปสการ์ด ปกหนังสือ เป็นต้น
กระดาษอาร์ตการ์ด 1 หน้า เป็นกระดาษอาร์ตที่มีความแกร่งกว่ากระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า หนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป เหมาะสำหรับพิมพ์งานที่ต้องการพิมพ์แค่หน้าเดียว เช่น กล่องบรรจุสินค้าต่างๆ โปสเตอร์ โปสการ์ด ปกหนังสือ เป็นต้น
- กระดาษเคลือบผิว (Coated Paper) โดยทั่วๆ
ไปมักจะเรียกกันว่า กระดาษอาร์ต มีเนื้อกระดาษที่ขาวและผิวเรียบ
เนื่องจากถูกเคลือบด้วยสารเคลือบผิว ทำให้ผิวมีความเรียบสามารถรับหมึกได้ดี
ทำให้การพิมพ์มีความคมชัดได้ดี การเคลือบผิวมีทั้งชนิดมัน และเคลือบผิวด้าน
กระดาษอาร์ตมันที่มีการผลิตจำหน่ายมากในท้องตลาดจะมีความหนาตั้งแต่ 80 กรัมจนถึงขนาด
350 กรัม ต่อตารางเมตร และมีการเคลือบผิวหน้าเดียวและการเคลือบผิวทั้งสองหน้า
- กระดาษไม่เคลือบผิว (Uncoated Paper) การที่กระดาษประเภทนี้ไม่ได้มีการเคลือบสารเคมีที่ผิว
จึงทำให้ผิวของกระดาษมีความเรียบน้อยกว่ากระดาษที่มีการเคลือบผิว
มีการผลิตกระดาษประเภทนี้จำนวนมากมายหลายชนิด แตกต่างกันไปตามวิธีการผลิต ได้แก่
- กระดาษแอร์เมล์
นิยมใช้เป็นกระดาษจดหมาย และงานสั่งพิมพ์บางประเภท มีขนาดบาง มีความหนาประมาณ 28 - 32 กรัมต่อตารางเมตร ปัจจุบันมีการผลิตกระดาษแอร์เมล์หลายแบบ
สวยงามให้เลือกใช้ได้อย่างกว้างขวาง
- กระดาษปรู๊ฟ เป็นกระดาษที่มีราคาถูก
เนื้อกระดาษสีไม่ขาวเหมือนกระดาษปอนด์ เมื่อเก็บไว้นานๆ สีจะค่อยๆ เหลือง
และเหลืองเข้มขึ้น และจะกรอบแตกในระยะหลัง
- กระดาษปอนด์ เป็นกระดาษที่มีเนื้อสีขาว เก็บไว้นานๆ
เนื้อกระดาษจะไม่เหลืองเหมือนกับกระดาษอาร์ต
สามารถเก็บไว้ได้นานเนื้อกระดาษจะไม่กรอบ
นิยมใช้กระดาษปอนด์ในการพิมพ์หนังสือหรือสิ่งพิมพ์ทั่วไปที่ต้องการเนื้อกระดาษสีขาว
มีขนาดที่นิยมใช้กันคือขนาด 60
- 80 กรัมต่อตารางเมตร
- กระดาษกล่อง (Box Paper)
เป็นกระดาษที่ทาจากเยื่อบด และมักนำเยื่อจากกระดาษใช้แล้วมาผสม
มีคลายไปทางเทาหรือนาตาล ผิวด้านหนึ่งมักจะประกบด้วยชั้นของกระดาษขาวซึ่งอาจมีผิวเคลือบมันหรือไม่ก็ได้เพื่อความ
สวยงามและพิมพ์ภาพลงไปได้ หากเป็นกระดาษไมเคลือบ จะเรียก กระดาษกล่องขาว
หากเป็นกระดาษเคลือบผิวมัน จะ เรียก กระดาษกล่องแป้ง น้ำาหนักกระดาษกล่องอยู่ระหว่าง 180 –
600 กรัม/ตารางเมตร ใช้สาหรับทาสิ่งพิมพ์บรรจุ ภัณฑ์ เช่น กล่อง
ป้ายแข็ง ฯลฯ
- กระดาษแข็ง
(Hard Board) เป็นกระดาษหลายชั้นแข็งหนาทาจากเยื่อไม้บดและเยื่อกระดาษเก่า
มีผิว ขรุขระสีคลา มีคำเรียกกระดาษชนิดนี้อีกว่า กระดาษจั่วปัง น้าหนักมีตั้งแต่ 430 กรัม/ตารางเมตรขึ้นไป ใช้ทาใส่ในของ ปกหนังสือ ฐานปฏิทินตั้งโต๊ะ
บรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ
- กระดาษแฟนซี (Fancy Paper) เป็นคำเรียกโดยรวมสาหรบกระดาษที่มีรูปร่างลักษณะของเนื้อและผิว
กระดาษที่ต่างจากกระดาษใช้งานทั่วไป
บางชนิดมีการผสมเยื่อที่ต่างออกไป
บางชนิดมีผิวเป็นลายตามแบบบนลูกกลิ้ง หรือตะแกรงที่กดทับในขั้นตอนการผลิต
มีสีสันให้เลือกหลากหลาย มีทั้งกระดาษบางและหนา ประโยชน์สาหรับกระดาษ
ชนิดนี้สามารถนาไปใช้แทนกระดาษที่ใช้อยู่ทั่วไป ตั้งแต่นามบัตร หัวจดหมาย
ไปจนถึงกล่องบรรจุภัณฑ์
- กระดาษการ์ด
เป็นกระดาษที่มีความแข็งกว่ากระดาษทั่วๆ ไป จะมีขนาดความหนาตั้งแต่ 100 กรัม
ต่อตารางเมตรขึ้นไป
มีผิวกระดาษที่มีความละเอียดเรียบเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง
และทนทานมากกว่ากระดาษธรรมดา เช่น การทำปกหนังสือ แผ่นโปสเตอร์โฆษณา แผ่นพับ
ทำกล่องบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น เช่นสามารถเลือกใช้ขนาดความหนาได้ตามต้องการ
1.4.5 ระบบการพิมพ์ ปัจจุบันการพิมพ์ที่ใช้ในการพิมพ์ประเภทต่างๆ
มีรูปแบบมากมายหลายแบบหลายวิธีการ การพิมพ์แต่ละแบบแต่ละวิธีก็มีกระบวนการข้อดี
ข้อจำกัด หรือข้อบกพร่อง
ตลอดจนตามความเหมาะสมกับประเภทของสิ่งพิมพ์ที่แตกต่างกันออกไป
การออกแบบต้นแบบจึงต้องให้เหมาะกับกระบวนการพิมพ์นั้นๆ ด้วย
- ขนาดพิมพ์เครื่องพิมพ์ในระบบออฟเซ็ทแบบป้อนแผ่นมีขนาดต่างกัน ซึ่งยังผลให้ต้องตัดเจียนกระดาษที่สั่งซื้อมาให้เหมาะ
เครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องก่อนที่จะนามาพิมพ์งาน ขนาดของเครื่องพิมพ์จะเรียกตามขนาดกระดาษใหญ่ที่สุดที่สามารถ
เข้าเครื่องได้ ซึ่งแบ่งได้ดังนี้ขนาดตัดหนึ่ง
พิมพ์กระดาษได้ใหญ่สด 35 x 49 นิ้ว ขนาดตัดสอง พิมพ์กระดาษได้ใหญ่สุด 25 x 36 นิ้ว ขนาดตัดสองพิเศษ พิมพ์กระดาษได้ใหญ่สุด
28 x 41 นิ้ว ขนาดตัดสาม
พิมพ์กระดาษได้ใหญ่สุด 21 x 31 นิ้ว ขนาดตัด พิมพ์กระดาษได้ใหญ่สด 18 x 25.5 นิ้ว ขนาดตัดสี่พิเศษ พิมพ์กระดาษได้ใหญ่สุด
21 x 28 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีเครื่องพิมพ์ขนาดเลก คือ
ขนาดตัดห้า ขนาดตัดแปด ขนาดตัดสิบเอ็ด หรือเล็กกว่านั้น เครื่องพิมพ์ในระบบออฟเซ็ทแบบป้อนม้วนจะวัดขนาดด้วยข้อจำกัดของเส้นรอบวงของโรงพิมพ์ โดยมีขนาด ด้านเข้าเครื่องตายตัว
ส่วนด้านขวางเครื่องสามารถปรับความกว้างได้
ส่วนใหญ่เครื่องพิมพ์ที่มีอยู่จะมีขนาดด้านเข้าเครื่อง จะมี 21 นิ้ว กับ 24 นิ้ว ในการออกแบบสิ่งพิมพ์ให้คำนึงถึงชิ้นงานเทียบกับแผ่นพิมพ์เพื่อเป็นการประหยัดและไม่ให้เกิดการเสยเศษ
กระดาษ สาหรับการพิมพ์บนเครื่องพิมพ์แบบป้อนแผ่น
ให้นาชิ้นงานมาวางลงในกระดาษขนาดพิมพ์ซึ่งถูกตัดแบ่งมาจาก ขนาดมาตรฐานต่าง ๆ (เช่น
กระดาษขนาด 31 x 43 นิ้ว เข้าเครื่องตัด
ต้องแบ่งสี่ส่วนได้แผ่นพิมพ์ขนาด 15.5 x 21.5 นิ้ว) ว่ามีการเสียเศษมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้ต้องไม่วางชิดจนเกินไป ให้มีการเว้นช่องว่างระหว่างชิ้นงานไม่ต่ำกว่า 5 มิลลิเมตร
และเว้นระยะห่างของชิ้นงานจากขอบกระดาษด้านยาวด้านหนึ่งไม่ตากว่า 20 มิลลิเมตร
สวนด้านที่เหลือไม่ตา กว่า 5 มิลลิเมตร
- การพิมพ์จากแม่พิมพ์พื้นราบ (Plane
or pantographic printing, or Offset lithography ) การพิมพ์แบบนี้เรียกกันทั่วไปว่า
การพิมพ์ออฟเซท ซึ่งมีพัฒนาการมาจาก การพิมพ์เห็นในสมัยโบราณนั่นเอง
ดังจะเห็นได้จากคำว่า Lithography ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก
แปลว่า การเขียนบนหิน การพิมพ์แบบนี้ค้นพบโดย Alois Seneflder ชาวเยอรมัน ใน พ.ศ. 2339 โดยค้นพบหลักฐานของการพิมพ์แบบนี้ที่ว่า
น้ำและไขไม่รวมตัวกัน หลังจากการค้นพบของเขาก็มีการใช้หินปูนเป็นแม่พิมพ์ในการพิมพ์
โดยการวาดหรือถ่ายแบบที่จะพิมพ์ลงบนหินด้วยหมึกที่มีไข่ผสมอยู่
แล้วเอาน้ำทาแผ่นหิน น้ำจะจับอยู่เฉพาะส่วนที่ไม่มีไขอยู่
แล้วก็เอาหมึกที่จะพิมพ์ไปหาซึ่งหมึกจะติดเฉพาะส่วนที่จะพิมพ์
เมื่อเอากระดาษมากดทับบนแผ่นแม่พิมพ์หินนั้น หมึกจะถ่ายทอดมาติดบนกระดาษได้สิ่งที่ต้องการพิมพ์
-
การพิมพ์ออฟเซทด้วยเครื่องสมัยปัจจุบันนี้นั้น
ลูกกลิ้งชุดหนึ่งจะทาน้ำและอีกชุดหนึ่งจะทาหมึกบนแม่พิมพ์ที่เป็นโลหะจำพวกสังกะสีหรืออลูมิเนียมที่ม้วนรอบลูกโมและในเครื่องขนาดเล็กได้มีผู้สามารถคิดทำแม่พิมพ์ด้วยกระดาษหรือพลาสติกใช้แทนโลหะได้
หมึกพิมพ์จะถ่ายจากแม่พิมพ์ไปยังลูกโม หรือลูกกลิ้งยาง
แล้วต่อจากนั้นหมึกบนลูกยางที่เป็นตัวหนังสือและ/หรือภาพ จะถ่ายทอด (Offset)
ไปติดบนกระดาษ หรือวัสดุที่จะใช้พิมพ์โดยการกดของลูกโมกดพิมพ์ ดังนั้นตัวหนังสือ ภาพและสิ่งที่จะพิมพ์บนแม่พิมพ์จึงเป็นลักษณะที่อ่านดูได้ปกติ
ไม่กลับขวาเป็นซ้าย ซ้ายเป็นขวาเหมือนแม่พิมพ์หินธรรมดา
- การพิมพ์ออฟเซทเป็นวิธีพิมพ์ ที่นิยมใช้แพร่หลายมากในปัจจุบัน เพราะสามารถพิมพ์ได้ชัดเจน สวยงาม
ต้นทุนไม่สูง ถ้าพิมพ์จำนวนมาก นอกจากนี้ยังสามารถพิมพ์ได้รวดเร็ว
บางแท่นมีหน่วยสีสำหรับพิมพ์สีหลายหน่วยติดต่อกันไปในเครื่องเดียวและพิมพ์ได้สองด้านพร้อมกันก็มี
- การพิมพ์จากแม่พิมพ์ลายฉลุหรือแม่พิมพ์สกรีน (Stencil or Screen
Printing) กระบวนการของการพิมพ์แบบนี้เป็นการพิมพ์แบบพื้นฐานง่ายๆ
ซึ่งน่าจะเป็นการพิมพ์แบบเก่าแก่ที่สุด
เชื่อกันว่าชาวจีนและชาวอียิปต์เป็นผู้ให้กำเนิดการพิมพ์แบบนี้
ถึงแม้การพิมพ์แบบนี้ในปัจจุบันจะเป็นกระบวนการที่ญี่ปุ่นใช้ในสมัยโบราณ แซมมวล
จอห์นสัน เป็นผู้จดลิขสิทธิ์กระบวนการพิมพ์แบบนี้ในประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2450
และจอห์น ฟิลส์เวอร์ แห่งซานฟรานซิสโกเป็นผู้คิดกระบวนการพิมพ์สอดสีด้วยวิธีนี้ได้
วิธีการพิมพ์แบบนี้เป็นวิธีง่ายๆ
ใช้ที่รัดหรือแผ่นหมึกให้ทะลุผ่านส่วนที่เป็นลายฉลุหรือสกรีนลงไปติดบนกระดาษหรือวัสดุที่ใช้พิมพ์
แม่พิมพ์อาจยึดติดอยู่กับกรอบหรือในเครื่องพิมพ์
และแม่พิมพ์นั้นอาจจะฉลุหรือปรุด้วยมือระบายสีลงบนสกรีน
หรือใช้กรรมวิธีอัดภาพแบบอัดภาพถ่ายลงบนแม่พิมพ์
การพิมพ์แบบนี้ที่เห็นอยู่ทั่วไปคือ การพิมพ์โรเนียว
การพ่นสีตัวหนังสือหรือภาพผ่านแม่พิมพ์ที่ฉลุและการพิมพ์ที่เรียกทั่วไปว่า
ซิลค์สกรีน ก็เป็นวิธีการพิมพ์แบบนี้ทั้งสิ้น นอกเหนือจากการพิมพ์แบบต่างๆ
ดังกล่าวแล้วข้างต้นนั้น ยังมีการพิมพ์แบบอื่นๆ อีกหลายแบบ
การพิมพ์แต่ละแบบก็มีวิธีการ กระบวนการ เทคนิค ตลอดจนหลักการที่แตกต่างกันออกไป
- เดสค์ทอป พับลิชิง (Desktop Publishing DTP) ก็คือ
การใช้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ร่วมกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์
ในการผลิตสิ่งพิมพ์ซึ่งกลายเป็นระบบการผลิตสิ่งพิมพ์ที่ถูกกว่า
รวดเร็วกว่าขบวนการเรียงพิมพ์ ตัดปะ
และการจัดหน้าซึ่งคงยังเป็นวิธีการที่ยังใช้กันอยู่ในวงการพิมพ์ในปัจจุบัน ระบบการพิมพ์
ปัจจุบันการพิมพ์ที่ใช้ในการพิมพ์ประเภทต่างๆ มีรูปแบบมากมายหลายแบบหลายวิธีการ
การพิมพ์แต่ละแบบแต่ละวิธีก็มีกระบวนการข้อดี ข้อจำกัด หรือข้อบกพร่อง
ตลอดจนตามความเหมาะสมกับประเภทของสิ่งพิมพ์ที่แตกต่างกันออกไป การออกแบบต้นแบบจึงต้องให้เหมาะกับกระบวนการพิมพ์นั้นๆ
ด้วย
1.4.6 ความหนาของกระดาษและการนำไปใช้
-
กระดาษอาร์ตใช้พิมพ์เป็นเนื้อในหนังสือ ขนาด 80 - 120 กรัม ต่อตารางเมตรใช้พิมพ์โปสเตอร์ ขนาด
120 - 210 กรัม ต่อตารางเมตร ใช้พิมพ์แผ่นพับ ขนาด 120 - 160 กรัม ต่อตารางเมตรใช้พิมพ์เป็นปกขนาด 140 - 280 กรัม
ต่อตารางเมตร
-
กระดาษแอร์เมล์ ใช้พิมพ์จดหมาย ขนาด 28 - 30 กรัม ต่อ
ตารางเมตร
- กระดาษปรู๊ฟ
ใช้พิมพ์เป็นเนื้อในหนังสือ หรือหนังสือพิมพ์ ขนาด 48 กรัม ต่อตารางเมตร
-
กระดาษปอนด์ เป็นกระดาษเนื้อเรียบสีขาว ความหนากระดาษที่นิยมใช้พิมพ์หนังสืออยู่ที่
70-100 แกรม นิยมใชพิมพ์งานสีเดียว หรือพิมพ์สี่สีก็ได้แต่ไม่สวยเท่ากระดาษอาร์ต
สามารถเขียนได้ง่ายกว่าทั้งปากกาและดินสอ เหมาะสำหรับพิมพ์เนื้อในหนังสือ หรือกระดาษหัวจดหมาย
- กระดาษการ์ด มีความหนาตั้งแต่
100 กรัม ต่อ ตารางเมตรขึ้นไป ใช้พิมพ์เป็นปกหนังสือโปสเตอร์ แผ่นพับ
เช่นเดียวกับกระดาษอาร์ต
นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีกระดาษที่ผลิตจากต่างประเทศ
ซึ่งมีกระดาษอีกหลายประเภทหลายชนิด ให้เลือกใช้ตามความพึงพอใจ
เมื่อเปรียบเทียบถึงคุณภาพ และความหลากหลายของกระดาษต่างๆ มีผลิตจำหน่ายมากมาย
มีคุณภาพสูง สวยงาม เนื้อเหนียว และราคาจำหน่ายกระดาษแพงมาก
แต่ก็ได้รับความนิยมอย่างดีในวงการธุรกิจและนักออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์นอกเหนือจากที่แบ่งตามประเภทกระดาษแล้ว
ยังมีกระดาษอีกกลุ่มหนึ่งคือ กระดาษสำหรับทำงานศิลปะ ซึ่งศิลปินแบบและนักออกนิยมนำมาใช้สร้างสรรค์งานอย่างอิสระเต็มที่ตามลักษณะงานหรือตามเทคนิควิธีการสร้างสรรค์ได้แก่
กระดาษสำหรับระบายสีน้ำ หรือสีโปสเตอร์ กระดาษสำหรับวาดรูปด้วยดินสอ หรือกระดาษสำหรับใช้เขียนด้วยหมึก
1.4.7 ขนาดของสิ่งพิมพ์
ขนาด
|
มิลลิเมตร
|
นิ้ว
|
A1
|
841x1189
|
33.11x46.81
|
A2
|
594x841
|
23.39x33.11
|
A3
|
420x594
|
16.54x23.39
|
A4
|
210x297
|
11.69x16.54
|
A5
|
148x210
|
8.27x11.69
|
A6
|
105x148
|
5.83x8.27
|
A7
|
74x105
|
4.13x5.83
|
A8
|
52x74
|
2.91x4.13
|
A9
|
37x52
|
1.46x2.05
|
A10
|
26x37
|
1.02x1.46
|
ตารางที่ 1 ภาพแสดงขนาดกระดาษหรือสิ่งพิมพ์
(ที่มา : ผศ.อารยะ
ศรีกัลยาณบุตร. การออกแบบสิ่งพิมพ์, 2550)
2 รายละเอียดโปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบงานกราฟิก
2.1 โปรแกรม Adobe
Illustrator
เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการวาดภาพประกอบ
ที่มีลักษณะเป็นลายเส้นหรือเวกเตอร์และยังสามารถรวมภาพกราฟิกที่แตกต่างกัน ระหว่างเวกเตอร์และบิตแม็พให้เป็นงานกราฟิกที่มีทั้งภาพเป็นเส้นที่คมชัดและมีเอฟเฟกต์สีสันสวยงาม
หรือมีความแปลกใหม่ร่วมกันได้ Adobe Illustrator สามารถสร้างโดยเริ่มต้นจาก
หน้ากระดาษเปล่าแล้วเขียนภาพลงใน Adobe Illustrator จะมีทั้งพู่กัน
ดินสอและอุปกรณ์การวาดภาพอื่นๆอีกมากมาย ในการสร้างสรรค์งานกราฟิก
2.1.1 จุดเด่นของโปรแกรม
Adobe Illustrator
- ปรับปรุง
Wmf
หรือ Clipart ของ Windows ได้
- สร้าง
Logo
และแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
- ใช้สร้างภาพแบบ
Vector
ได้
- วาด
และแก้ไขเส้นโครงได้สมบูรณ์แบบ
- ไม่มีปัญหาในในเรื่องของการส่งไฟล์งาน
เนื่องจากทุกๆโรงพิมพ์ยินดีรับไฟล์งานที่สร้างจาก Adobe Illustrator นอกจากนี้ในเรื่องของความคมชัดของภาพถึงแม้ว่าจะต้องมีการปรับขนาดอาร์ตเวิร์กให้ใหญ่กว่าเดิมหลายสิบเท่าก็ตามก็ยังไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น
เพราะภาพที่ได้จากโปรแกรม Adobe Illustrator เป็นภาพประเภท Vector
format ย่อขยายเท่าไหร่ก็ยังคมชัด
- สะดวกสบายด้วยขนาดไฟล์ที่เล็กมาก
เรียกว่าถ้าไม่มีการฝังไฟล์ภาพลงในไฟล์งาน แล้วสามารถบันทึกใส่แผ่นกลอปปี้ดิสก์ได้อย่างสบาย
หรือจะส่งงานทางอีเมล์ก็ยังได้ไม่มีปัญหาเช่นกันในเรื่องของการทำงาน โปรแกรม Adobe Illustrator
ก็มีเครื่องมือวาดภาพที่หลากหลาย ใช้วาดภาพได้ตั้งแต่เรียบง่ายจนถึงซับซ้อนเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่บรรดานักออกแบบ
ทั้งหลายได้อย่างครบถ้วน
2.2 ภาพกราฟิก
ภาพกราฟิกคือภาพที่ผ่านการตกแต่งด้วยโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์
อาจเป็นภาพที่ถูกวาดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด หรือเป็นการนำภาพถ่ายมาทำการรีทัชตัดต่อบนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้
โดยใช้โปรแกรมกราฟิกมาเป็นตัวสร้างสรรค์จนได้ภาพที่สมบูรณ์ เช่น โปรแกรม lllustrator
, CoreDraw , Paint Shop Pri และ Photoshop CS เป็นต้น คุณค่า และความสำคัญของงานกราฟิก
งานกราฟิกเน้นในการสื่อสารด้วยศิลปะระหว่างผู้สร้าง กับผู้รับ ผู้ดู ผู้เห็น ดังนั้น คุณค่าของงานกราฟิกก็จะเกี่ยวข้องกับผลระหว่างผู้สร้างและผู้รับด้วยเช่นกันคือ เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมาย
สร้างระบบการเรียนรู้ สร้างความเร้าใจ น่าสนใจ ประทับใจ และความเชื่อถือได้ของผลงาน
สร้างความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ โดยการประยุกต์ความคิดจากผลงานเดิม สร้างอาชีพและรายได้
ได้แนวคิดที่ดี มองโลกในแง่ดี เห็นความสวยงามของชีวิต จรรโลงความดีงามในจิตใจของ มนุษย์ให้สืบต่อไปจากงานกราฟิกเน้นในการสื่อสารด้วยศิลปะระหว่างผู้สร้าง กับผู้รับ ผู้ดู ผู้เห็น ดังนั้นงานกราฟิกจึงมีความสำคัญดังนี้ ช่วยสรุปความคิดจินตนาการออกมาเป็นข้อมูลที่สื่อสารได้ง่าย สร้างระบบการถ่ายทอดที่มีความเด่นชัด แปลความหมายได้รวดเร็ว ช่วยสร้างสรรค์วัตถุประดิษฐ์ใหม่และมีประโยชน์ต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ สร้างระบบการเรียนรู้ สร้างแนวคิดใหม่ๆ สร้างค่านิยมทางความคิดที่งดงาม สร้างความเจริญก้าวหน้าให้ธุรกิจ สังคม
งานกราฟิกเน้นในการสื่อสารด้วยศิลปะระหว่างผู้สร้าง กับผู้รับ ผู้ดู ผู้เห็น ดังนั้น คุณค่าของงานกราฟิกก็จะเกี่ยวข้องกับผลระหว่างผู้สร้างและผู้รับด้วยเช่นกันคือ เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมาย
สร้างระบบการเรียนรู้ สร้างความเร้าใจ น่าสนใจ ประทับใจ และความเชื่อถือได้ของผลงาน
สร้างความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ โดยการประยุกต์ความคิดจากผลงานเดิม สร้างอาชีพและรายได้
ได้แนวคิดที่ดี มองโลกในแง่ดี เห็นความสวยงามของชีวิต จรรโลงความดีงามในจิตใจของ มนุษย์ให้สืบต่อไปจากงานกราฟิกเน้นในการสื่อสารด้วยศิลปะระหว่างผู้สร้าง กับผู้รับ ผู้ดู ผู้เห็น ดังนั้นงานกราฟิกจึงมีความสำคัญดังนี้ ช่วยสรุปความคิดจินตนาการออกมาเป็นข้อมูลที่สื่อสารได้ง่าย สร้างระบบการถ่ายทอดที่มีความเด่นชัด แปลความหมายได้รวดเร็ว ช่วยสร้างสรรค์วัตถุประดิษฐ์ใหม่และมีประโยชน์ต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ สร้างระบบการเรียนรู้ สร้างแนวคิดใหม่ๆ สร้างค่านิยมทางความคิดที่งดงาม สร้างความเจริญก้าวหน้าให้ธุรกิจ สังคม
2.2.1 ภาพกราฟิก เกิดจากการทำงานของโหมดสี
RGB ซึ่งประกอบด้วย สีแดง (Red) สีเขียว
(Green) และสีน้ำเงิน (Blue) โดยใช้หลักการยิงประจุไฟฟ้าให้เกิดการเปล่งแสงของสีทั้ง
3 สี มาผสมกันทำให้เกิดเป็นจุดสีเล็ก ๆ ที่เรียกว่า พิกเซล (Pixel)
โดยพิกเซลจะมีหลากหลายสี เมื่อนำมาวางต่อกันจะเกิดเป็นรูปภาพ
2.2.2
ชนิดของรูปภาพกราฟิกที่ปรากฏบนเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งออกตามลักษณะการจัดเก็บข้อมูลได้
2 ชนิดด้วยกันคือ รูปภาพแบบบิตแมปและรูปภาพแบบเวคเตอร์
2.2.3
ภาพกราฟิกแบบ Raster หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
แบบ Bitmap เป็นภาพกราฟิกที่เกิดจากการเรียงตัวของจุดสี่เหลี่ยมเล็ก
ๆ หลากหลายสี ที่เรียกว่า พิกเซล ในการสร้างภาพกราฟิกแบบ Raster จะต้องกำหนดจำนวนพิกเซลให้กับภาพที่ต้องการสร้าง ถ้ากำหนดจำนวนพิกเซลน้อย เมื่อขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
จะทำให้มองเห็นภาพเป็นจุดสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรือถ้ากำหนดจำนวนพิกเซลมากก็จะทำให้แฟ้มภาพมีขนาดใหญ่
ดังนั้นการกำหนดจำนวนพิกเซลจึงควรกำหนดให้เหมาะสมกับงานที่จะสร้าง เช่น งานที่มีความละเอียดน้อย
หรือภาพสำหรับเว็บไซต์ ควรกำหนดจำนวนพิกเซล
ประมาณ 72 ppi (pixel / inch คือ จำนวนพิกเซลใน 1 ตารางนิ้ว) แต่ถ้าเป็นงานแบบพิมพ์ เช่น นิตยสาร ปกหนังสือ
โปสเตอร์ขนาดใหญ่ จะกำหนดประมาณ 300 - 350 ppi เป็นต้น ข้อดีของภาพกราฟิกแบบ
Raster คือ สามารถปรับแต่งสี ตกแต่งภาพได้ง่ายและสวยงาม ซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้สร้างภาพกราฟิกแบบ Raster
คือ Photoshop, Paint เป็นต้น แฟ้มภาพกราฟิกแบบ
Raster(Bitmap) และคุณลักษณะของแฟ้มภาพกราฟิก นามสกุลที่ใช้เก็บแฟ้มภาพกราฟิกแบบ
Raster มีหลายนามสกุล เช่น BMP DIB .JPG .JPEG GIF
TIFF TIF PCX MSP PCD PCT FPX IMG MAC MSP และ .TGA เป็นต้น ซึ่งลักษณะของแฟ้มภาพจะแตกต่างกันออกไป JPG .JPEG GIF ใช้สำหรับรูปภาพทั่วไป งานเว็บเพจ
และงานที่มีความจำกัดด้านพื้นที่ โปรแกรมที่ใช้สร้างคื Photoshop PaintShopPro
Illustrator เป็นต้น TIF TIFF เหมาะสำหรับงานด้านนิตยสาร
เพราะมีความละเอียดของภาพสูง โปรแกรมที่ใช้สร้างคือ Photoshop เป็นต้น BMP DIB เป็นไฟล์มาตรฐานของระบบปฏิบัติการวินโดวส์
โปรแกรมที่ใช้สร้างคือ PaintShopPro, Paint PCX เป็นไฟล์ดั้งเดิมของโปรแกรมแก้ไขภาพแบบบิตแมป
ไม่มีโมเดลเกรย์สเกล ใช้กับภาพทั่วไป โปรแกรมที่ใช้สร้างคือ CorelDraw,
Paintbrush, Illustrator เป็นต้น
2.2.4 ภาพกราฟิกแบบ Vector เป็นภาพกราฟิกที่เกิดจากการอ้างอิงความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์
หรือการคำนวณ ซึ่งภาพจะมีความเป็นอิสระต่อกัน
โดยแยกชิ้นส่วนของภาพทั้งหมดออกเป็นเส้นตรง เส้นโค้ง รูปทรง
เมื่อมีการขยายภาพความละเอียดของภาพจะไม่ลดลง แฟ้มมีขนาดเล็กกว่าแบบ Raster
ภาพกราฟิกแบบ Vector นิยมใช้เพื่องานสถาปัตยกรรมตกแต่งภายใน
และการออกแบบต่าง ๆ เช่น การออกแบบรถยนต์ การออกแบบอาคาร การสร้างการ์ตูน เป็นต้น
ซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้สร้างภาพแบบ Vector คือ โปรแกรม Illustrator
CorrelDraw 3Ds Max แต่อุปกรณ์ที่ใช้แสดงผลภาพ เช่น จอคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องพิมพ์
จะเป็นการแสดงผลภาพแบบ Raster นามสกุลที่ใช้เก็บแฟ้มภาพกราฟิกแบบ
Vector มีหลายนามสกุล เช่น EPS WMF CDR AI CGM DRW
PLT DXF PIC และ PGL เป็นต้น ซึ่งลักษณะของแฟ้มภาพจะแตกต่างกันออกไป
AI EPS ใช้สำหรับงานที่ต้องการความละเอียดของภาพมาก เช่น
การสร้างการ์ตูน การสร้างโลโก้ เป็นต้น โปรแกรมที่ใช้สร้าง Illustrator WMF
เป็นไฟล์มาตรฐานของโปรแกรม Microsoft Office โปรแกรมที่ใช้สร้างคือ
CorelDraw
2.3 การออกแบบกราฟิก
การใช้ความคิดและสามัญสำนึกในการทำงานที่ได้วางแผนไว้ให้ได้ตามความคาดหมา
อย่างสมบูรณ์ การถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นโครงสร้างระเบียบแบบแผนต่างๆทางทัศนะสัญลักษณ์
เป็นการออกแบบเพื่อให้อ่าน เช่น ออกแบบหนังสือ นิตยสารโฆษณา หีบห่อ แผ่นพับ ป้ายภาพยนตร์ โทรทัศน์ โปสเตอร์ นิทรรศการ องค์ประกอบในการออกแบบงานกราฟิก ส่วนสำคัญที่จะสร้างสรรค์ความสุนทรีย์บนงานออกแบบ มีองค์ประกอบอยู่ 2 ส่วน คือ
เป็นการออกแบบเพื่อให้อ่าน เช่น ออกแบบหนังสือ นิตยสารโฆษณา หีบห่อ แผ่นพับ ป้ายภาพยนตร์ โทรทัศน์ โปสเตอร์ นิทรรศการ องค์ประกอบในการออกแบบงานกราฟิก ส่วนสำคัญที่จะสร้างสรรค์ความสุนทรีย์บนงานออกแบบ มีองค์ประกอบอยู่ 2 ส่วน คือ
2.3.1 อักษรและตัวพิมพ์ ตัวอักษรจะทำหน้าที่เป็นส่วนแจกแจงรายละเอียดของข้อมูล สาระที่ต้องการนำเสนอด้วยรูปแบบและการจัดวางตำแหน่งอย่างสวยงาม
มีความชัดเจน การออกแบบ การเลือกแบบตลอดจนการกำหนดรูปแบบของตัวอักษรที่จะนำมาใช้
ต้องมีลักษณะเด่น อ่านง่าย สวยงาม น่าสนใจ ลักษณะที่แตกต่างของตัวอักษร จึงต้องกำหนดตามสภาวะการนำไปใช้
โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เป็นหัวเรื่อง
หรือชื่อสินค้า จะต้องเน้นความโดดเด่นของรูปแบบมากที่สุดและส่วนที่เป็นข้อความหรือเนื้อหา
ที่ต้องการแสดงรายละเอียดต่าง ๆ นิยมใช้ตัวอักษรที่มีรูปแบบเรียบง่ายสะดวกในการอ่านมากที่สุด
ในการเลือกใช้ตัวอักษรให้มีความเหมาะสมกับงานที่ออกแบบ ผู้ออกแบบควรได้พิจารณาถึงรูปแบบตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร รูปร่างลักษณะของตัวอักษร การกำหนดระยะห่างและพื้นที่ว่าง การกำหนดสี
และการจัดวางตำแหน่งให้มีความสมดุลเหมาะสม
2.3.2 ภาพและส่วนประกอบตกแต่งภาพ
ที่ต้องการเน้นให้เกิดคุณค่าทางความงาม
ซึ่งจะทำหน้าที่ในการถ่ายทอดจินตนาการออกมาเป็นรูปแบบ และนำเสนอแนวคิดให้เป็นรูปธรรมดาตามความคิดของตน
เพื่อต้องการให้เกิดประสิทธิผลในการสื่อสารมากที่สุด งานออกแบบที่ดีควรนำภาพมาใช้ให้เหมาะสมกับโอกาสและหน้าที่อย่างกลมกลืนคือ
เมื่อต้องการดึงดูดความสนใจ การใช้ประกอบการอธิบายความรู้ การคำอธิบายความคิดรวบยอด
การอ้างอิงสิ่งที่ปรากฏขึ้นจริง และการใช้ประกอบข้อมูลทางสถิติ
2.3.3 คุณค่าและความสำคัญของการออกแบบงานกราฟิกงานกราฟิกที่ดีจะต้องทำให้เห็นถึงความคิดในการออกแบบเป็นเลิศ
มีคุณค่าและความสำคัญในตัวเองที่แสดงออกได้ ดังนี้
เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมายให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ถูกต้องและชัดเจน สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ช่วยทำให้งานเกิดความน่าสนใจ ประทับใจ และน่าเชื่อถือแก่ผู้พบเห็น ให้เกิดการกระตุ้นทางความคิด และการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ช่วยสร้างสรรค์งานสัญลักษณ์ทางสังคม และพัฒนาระบบการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมายให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ถูกต้องและชัดเจน สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ช่วยทำให้งานเกิดความน่าสนใจ ประทับใจ และน่าเชื่อถือแก่ผู้พบเห็น ให้เกิดการกระตุ้นทางความคิด และการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ช่วยสร้างสรรค์งานสัญลักษณ์ทางสังคม และพัฒนาระบบการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2.3.4 ประเภทของงานออกแบบกราฟิก
การออกแบบงานกราฟิกใดๆ ย่อมมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่แตกต่างกันไป ลักษณะเฉพาะงานหรือเงื่อนไขต่างๆ
ของงานและวิธีการดำเนินงาน ต้องสอดคล้องกับปัจจัยทุกด้าน ในการสร้างงานออกแบบจึงควรศึกษาถึงองค์ประกอบสำคัญหลายๆ
ด้าน แนวทางในการคิดงานกราฟิกจะแปรเปลี่ยนไปตามลักษณะของสื่อต่างๆ
2.3.5 งานกราฟิกบนสื่อโฆษณาสิ่งพิมพ์
สื่อโฆษณามีหลายประเภทโดยเฉพาะสื่อทางด้านสิ่งพิมพ์ ปัจจุบันวงการธุรกิจนิยมใช้สื่อประเภทนี้กันค่อนข้างสูง
เพื่อช่วยส่งเสริมการขาย เพิ่มการตลาด หรือในบางที่ก็ใช้เป็นตัวขายสินค้าก็มี
วิธีในการสร้างสรรค์สื่อสิ่งพิมพ์มีมากมาย และตัว สือสิ่งพิมพ์โฆษณาเองก็มีการพัฒนาตัวเองให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่
ๆ ที่เข้ามา จึงช่วยส่งเสริมแนวทางในการออกแบบงานกราฟิกและเทคนิคในการออกแบบได้เป็น
อย่างดี สื่อโฆษณาสิ่งพิมพ์นี้ก็ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน สื่อโฆษณาที่ใช้กันมากและเป็นเรื่องรูปแบบการออกแบบสื่อที่น่าสนใจ
ได้แก่ แผ่นป้ายโฆษณา (Poster) แผ่นป้ายโฆษณาเป็นสื่อที่มีบทบาทอย่างมากในการประชาสัมพันธ์
เพราะเป็นสื่อที่สามารถเผยแพร่ได้สะดวก กว้างขวางและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกพื้นที่
สื่อสารกับผู้บริโภคได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา มีความยืดหยุ่นในตัวของสื่อได้เป็นอย่างดี
แผ่นป้ายโฆษณาสามารถนำเสนอข้อมูลรายละเอียดได้มากพอสมควร ผลิตง่าย ใช้สะดวก จึงเป็นที่นิยมตลอดมา
การออกแบบแผ่นป้ายโฆษณา
3
เนื้อหาเกี่ยวกับยุงลาย
ปัจจุบันพบว่ายุงลายเพิ่มมากขึ้น
โรคไข้เลือดออกนับเป็นปัญหาสาธารณสุขไทยตลอดมาเพราะไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อ ที่สร้างความสูญเสียชีวิต
ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และความความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ
3.1 ลักษณะของยุงลาย
ยุงลายลำตัวมีลายสีขาวสลับดำ ตัวเต็มวัยจะมีเกล็ดสีดำที่ระยางค์ปาก
ด้านหลังของส่วนอกมีแถบสีขาวพาดอยู่ตรงกลาง ตัวเต็มวัยชอบหากินตอนกลางวัน เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก
ยุงตัวเมียเท่านั้นที่ดูดกินเลือด ยุงกินเลือดคนแต่ละครั้งปริมาณมากกว่า 3 เท่าของน้ำหนักตัว ถือว่าเป็นสัตว์ที่กินจุมากทีเดียว นิสัยการกินเลือดของยุงมีความสำคัญในด้านการแพร่เชื้อโรคหรือปรสิต
3.2 อาการของโรคไข้เลือดออก
หลังจากได้รับเชื้อจากยุงประมาณ
5-8
วัน (ระยะฟักตัว) ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการของโรค
ซึ่งมีความรุนแรงแตกต่างกันได้ ตั้งแต่มีอาการคล้ายไข้เดงกี่ (dengue fever
หรือ DF) ไปจนถึงมีอาการรุนแรงมากจนถึงช็อกและถึงเสียชีวิตได้
โรคไข้เลือดออกมีอาการสำคัญที่เป็นรูปแบบค่อนข้างเฉพาะ 4 ประการ
เรียงตามลำดับการเกิดก่อนหลังดังนี้
3.2.1 ไข้สูงลอย 2-7 วัน
3.2.2 มีอาการเลือดออก
ส่วนใหญ่จะพบที่ผิวหนัง อาการเลือดออกที่พบบ่อยที่สุดคือที่ผิวหนัง
โดยจะตรวจพบว่าเส้นเลือดเปราะ แตกง่าย โดยการทำ tourniquet test ให้ผลบวกได้ตั้งแต่ 2-3 วันแรกของโรค ร่วมกับมีจุดเลือดออกเล็กๆกระจายอยู่ตามแขน
ขา ลำตัว รักแร้ อาจมีเลือดกำเดาหรือเลือดออกตามไรฟัน ในรายที่รุนแรงอาจมีอาเจียนและถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
ซึ่งมักจะเป็นสีดำ (melena) อาการเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนใหญ่จะพบร่วมกับภาวะช็อกในรายที่มีภาวะช็อก
อยู่นาน
3.2.3 มีตับโต
กดเจ็บ ส่วนใหญ่จะคลำพบตับโตได้ประมาณวันที่ 3-4 นับแต่เริ่มป่วย
ตับจะนุ่มและกดเจ็บ ภาวะช็อกประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีอาการรุนแรง มีภาวะการไหลเวียนล้มเหลวเกิดขึ้น เนื่องจากมีการรั่วของพลาสมาออกไปยังช่องปอด/ช่องท้องมาก
เกิด hypovolemic shock ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นพร้อมๆกับที่มีไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว
เวลาที่เกิดช็อกจึงขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มีไข้ อาจเกิดได้ตั้งแต่วันที่ 3 ของโรค (ถ้ามีไข้ 2 วัน) หรือเกิดวันที่ 8 ของโรค (ถ้ามีไข้ 7 วัน) ผู้ป่วยจะมีอาการเลวลง
เริ่มมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเบา เร็ว ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงโดยมี pulse
pressure แคบเท่ากับหรือน้อยกว่า 20 มม. ปรอท
(ปกติ 30-40 มม.ปรอท) ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกส่วนใหญ่จะมีความรู้สติ
พูดรู้เรื่อง อาจบ่นกระหายน้ำ บางรายอาจมีอาการปวดท้องเกิดขึ้นอย่างกะทันหันก่อนเข้าสู่ภาวะช็อก
ซึ่งบางครั้งอาจทำให้วินิจฉัยโรคผิดเป็นภาวะทางศัลยกรรม ภาวะช็อกที่เกิดขึ้นนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยจะมีอาการเลวลง รอบปากเขียว ผิวสีม่วงๆ ตัวเย็นชืด
จับชีพจรและวัดความดันไม่ได้ (profound shock) ความรู้สติเปลี่ยนไป
และจะเสียชีวิตภายใน 12-24 ชั่วโมงหลังเริ่มมีภาวะช็อก หากว่าผู้ป่วยได้รับการรักษาช็อกอย่างทันท่วงทีและถูกต้องก่อนที่จะเข้าสู่
ระยะ profound shock ส่วนใหญ่ก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ในรายที่ไม่รุนแรง
เมื่อไข้ลดลงผู้ป่วยอาจจะมีมือเท้าเย็นเล็กน้อยร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงของ ชีพจรและความดันเลือด
ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงในระบบการไหลเวียนของเลือด เนื่องจากการรั่วของพลาสมาออกไปแต่ไม่มากจนทำให้เกิดภาวะช็อก ผู้ป่วยเหล่านี้เมื่อให้การรักษาในช่วงระยะสั้นๆก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ ยังไม่มียาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์เฉพาะสำหรับเชื้อไข้เลือดออก การรักษาโรคนี้เป็นการรักษาตามอาการและประคับประคอง
ซึ่งได้ผลดีถ้าให้การวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่ระยะแรก
แพทย์ผู้รักษาจะต้องเข้าใจธรรมชาติของโรคและให้การดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด จะต้องมี
nursing care ที่ดีตลอดระยะเวลาวิกฤตประมาณ 24-48 ชั่วโมงที่มีการรั่วของพลาสมา
3.2.4 มีภาวะการไหลเวียนล้มเหลว/ภาวะช็อก
3.3 อาการผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก
ผู้ป่วยทุกรายจะพบว่ามีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
ส่วนใหญ่ไข้จะสูงเกิน 38.5
องศาเซลเซียส ไข้อาจสูงถึง 40-41 องศาเซลเซียส
ซึ่งบางรายอาจมีชักเกิดขึ้นโดยเฉพาะในเด็กที่เคยมีประวัติชักมาก่อน หรือในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า
6 เดือน ผู้ป่วยมักจะมีหน้าแดง (flushed face) และตรวจดูคอก็อาจพบมี injected
pharynx ได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการน้ำมูกไหลหรืออาการไอ ซึ่งช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคจากโรคหัดในระยะแรกและโรคระบบทางเดินหายใจได้
เด็กโตอาจบ่นปวดศีรษะ
ปวดรอบกระบอกตา ในระยะไข้นี้ อาการทางระบบทางเดินอาหารที่พบบ่อย คือ เบื่ออาหาร
อาเจียน บางรายอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งในระยะแรกจะปวดทั่วๆไปและอาจปวดที่ชายโครงขวาในระยะที่มีตับโต
ส่วนใหญ่ไข้จะสูงลอยอยู่ 2-7 วัน ประมาณร้อยละ 15 อาจมีไข้สูงนานเกิน 7 วัน และบางรายไข้จะเป็นแบบ biphasic
ได้ อาจพบมีผื่นแบบ erythema หรือ
maculopapular ซึ่งมีลักษณะคล้ายผื่น rubella ได้
3.4 การดูแลรักษาผู้ป่วยในระยะไข้สูง
การดูแลรักษาผู้ป่วยในระยะไข้สูงบางรายอาจมีการชักได้ถ้าไข้สูงมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่มีประวัติเคยชัก หรือในเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน จำเป็นต้องให้ยาลดไข้ ควรใช้ยาพวกพาราเซตามอล ห้ามใช้ยาพวกแอสไพริน เพราะจะทำให้เกร็ดเลือดเสียการทำงาน
จะระคายกระเพาะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญอาจทำให้เกิด Reye
syndrome ควรให้ยาลดไข้เป็นครั้งคราวเวลาที่ไข้สูงเท่านั้น (เพื่อให้ไข้ที่สูงมากลดลงเหลือน้อยกว่า 39 องศาเซลเซียส)
การใช้ยาลดไข้มากไปจะมีภาวะเป็นพิษต่อตับได้ ควรจะใช้การเช็ดตัวช่วยลดไข้ด้วย ให้ผู้ป่วยได้น้ำชดเชย
เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มีไข้สูง เบื่ออาหาร และอาเจียน
ทำให้ขาดน้ำและเกลือโซเดียมด้วย ควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำผลไม้หรือ
สารละลายผงน้ำตาลเกลือแร่ (โอ อาร์ เอส) ในรายที่อาเจียนควรให้ดื่มครั้งละน้อยๆ
และดื่มบ่อยๆ จะต้องติดตามดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ตรวจพบและป้องกันภาวะช็อกได้ทันเวลา
ช็อกมักจะเกิดพร้อมกับไข้ลดลงประมาณตั้งแต่วันที่
3 ของการป่วยเป็นต้นไป ทั้งนี้แล้วแต่ระยะเวลาที่เป็นไข้
ถ้าไข้ 7 วันก็อาจช็อกวันที่ 8 ได้ ควรแนะนำให้พ่อแม่ทราบอาการนำของช็อก
ซึ่งอาจจะมีอาการเบื่ออาหารมากขึ้น ไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำเลย
หรือมีอาการถ่ายปัสสาวะน้อยลง มีอาการปวดท้องอย่างกะทันหัน
กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ควรแนะนำให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันทีที่มีอาการเหล่านี้ เมื่อผู้ป่วยไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่ให้การรักษาได้
แพทย์จะตรวจเลือดดูปริมาณเกร็ดเลือดและ hematocrit และอาจนัดมาตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของเกร็ดเลือดและ
hematocrit เป็นระยะๆ เพราะถ้าปริมาณเกร็ดเลือดเริ่มลดลงและ hematocrit
เริ่มสูงขึ้น เป็นเครื่องชี้บ่งว่าน้ำเลือดรั่วออกจากเส้นเลือด
และอาจจะช็อกได้ จำเป็นต้องให้สารน้ำชดเชย โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องรับผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลทุกราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกที่ยังมีไข้ สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอก โดยให้ยาไปรับประทาน
และแนะนำให้ผู้ปกครองเฝ้าสังเกตอาการตามข้อ 3 หรือแพทย์นัดให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเป็นระยะๆ
โดยตรวจดูการเปลี่ยนแปลงตามข้อ 4 ถ้าผู้ป่วยมีอาการแสดงอาการช็อก
ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลทุกราย
3.5 แหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย
ยุงลายจะพบมากในเขตร้อนชื้น โดยเฉพาะในเอเซียตะวันออก
เฉียงใต้ ยุงลายจะพบมากในเขตชุมชนโดยเฉพาะในถิ่นที่แออัด เนื่องจากมีแหล่งน้ำให้ยุงแพร่พันธุ์
แต่ในชนบทโดยเฉพาะที่เริ่มแออัดก็จะพบว่ามียุงลายเพิ่มมากขึ้น ความกดอากาศก็มีผลต่อความเป็นอยู่ของยุง
พบว่าในพื้นที่ระดับสูงกว่าน้ำทะเลไม่เกิน 500 เมตรจะมีความหนาแน่นของยุงมาก
3.6 วิธีป้องกันยุงลาย
ที่สำคัญพึงระลึกไว้ว่า การช่วยกันกำจัดและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายสามารถช่วยป้องกันโรคไข้เลือด จะมีวิธีป้องกันตัวเองและคนในครอบครัว
ให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้อย่างไร จนถึงทุกวันนี้ ยาสำหรับรักษาโรคไข้เลือดออกโดยตรงยังไม่มี
หนำซ้ำวัคซีนป้องก้นก็ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าวิจัย ซึ่งอีกไม่นานก็จะสามารถนำมาใช้ได้จริงนอกจากนี้ยังมีการค้นคว้า
เพื่อจะคุมกำเนิดยุงลายสายพันธุ์ดังกล่าวด้วยเชื้อแบคทีเรียอีกทางหนึ่งด้วย แต่วิธีป้องกันที่ดีที่สุดในตอนนี้ที่ทำได้คือ
ต้องระมัดระวังอย่าให้ยุงกัด หากเด็กต้องนอนตอนกลางวันก็ควรจะให้นอนกางมุ้ง อย่าให้เด็กอยู่ในบริเวณที่มืดๆ
หรืออับลม ซึ่งมักจะมียุงชกชุม ควรใช้ยากันยุง ปิดฝาตุ่มน้ำ
หรือถังเก็บน้ำกินน้ำใช้ทุกจุดในบ้านให้มิดชิด ส่วนตามภาชนะที่มีน้ำขังนิ่งๆ เช่น
แจกัน จานรองขาตู้ จานรองกระถาง ควรมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นประจำ
หรือในอ่างบัวที่ไม่มีการเลี้ยงปลา ก็ควรหาปลาหางนกยูงมาเลี้ยงไว้ให้ช่วยกินลูกน้ำยุงส่วนของเหลือใช้
อย่างกระป๋อง กะลา ยางรถยนต์เก่าๆ ที่ทิ้งตากแดดตากฝนไว้ก็ควรเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
และอย่าปล่อยให้มีน้ำขังอย่างเด็ดขาด
4
หลักการออกแบบภาพประกอบ
ภาพประกอบในสื่อ ได้แก่ รูปภาพจากการวาดเขียน
ระบายสี จากการถ่ายภาพ จากลวดลายต่างๆ
ที่ใช้ประกอบการออกแบบในงาน แนวคิดในการออกแบบภาพก็คือ การกำหนดขนาดของภาพ
กำหนดเรื่องราวของภาพ กำหนดรูปแบบของภาพ เทคนิคในการสร้างสรรค์ภาพ โครงสีในภาพ ความคมชัด ความสวยงาม การกำหนดขนาดตำแหน่งของภาพที่เหมาะสม
เด่นชัด ภาพประกอบต้องสอดคล้องกับเนื้อหาที่ต้องการสื่อ
การวางตำแหน่งภาพที่ดีจะทำให้ชวนมอง เน้นการสร้างจุดสนใจ นักออกแบบอาจกำหนดจุดสนใจได้หลายลักษณะ
วิธีที่ง่ายที่สุด คือกำหนดจุดสนใจไว้ตรงกลางภาพ
4.1
การกำหนดตัวอักษร
ตัวอักษรหรือข้อความหัวเรื่อง
จะเป็นตัวบรรยายข้อมูลสาระให้รับรู้การกำหนดตัวอักษรจึงต้องเน้นหนักที่ขนาดของตัวอักษร
รูปแบบ และการกำหนดโครงสีบนตัวอักษรทั้งหมด
4.1.1 ขนาดของตัวอักษร ตัวอักษรที่ปรากฏในงานออกแบบแผ่นป้ายโฆษณาโดยทั่วไปมี
3 ขนาด คือ ขนาดใหญ่ สำหรับข้อความพาดหัว (Heading) ขนาดกลางสำหรับข้อความพาดรองหัว (Sub Heading) และขนาดเล็กสำหรับข้อความรายละเอียดที่เสนอสาระข้อมูล
(Copy) การกำหนดขนาดนั้นจะไม่แน่นอน
จะขึ้นอยู่กับงานแต่ละชิ้นที่ทำการออกแบบ แต่มีหลักการง่ายๆ คือ ไม่ว่าจะเป็นขนาดใดต้องอ่านได้ชัดเจน
ซึ่งผู้ออกแบบต้องพิจารณาขนาดสัดส่วนของตัวอักษรที่สัมพันธ์กันกับระยะห่างระหว่างสายตากับสิ่งที่มองเห็น
โดยปกติขนาดมาตรฐานของตัวอักษรที่ระยะห่างจากสายตา 20 นิ้ว
ควรมีขนาดสูงประมาณ 1/8 นิ้ว
และถ้าหากเพิ่มระยะห่างระหว่างสายตากับสิ่งที่มองเห็นทุกระยะ 5 นิ้ว ควรเพิ่มขนาดตัวอักษร 1/8 นิ้ว
ทุกช่วงระยะห่างที่เพิ่มขึ้น
นอกจากความสัมพันธ์นี้แล้วควรพิจารณาเรื่องกำหนดระยะห่างระหว่างตัวอักษร
และระยะห่างระหว่างบรรทัด ตลอดจนตัวอักษรและต้องคำนึงถึงวัยของผู้อ่านด้วย
4.1.2 รูปแบบตัวอักษร การสร้างสรรค์รูปแบบตัวอักษรให้สวยงาม แปลกตา และสอดคล้องกับเนื้อหา เรื่องราว ให้มีความชัดเจน
ทำให้เกิดความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เทคนิคการออกแบบและตกแต่งตัวอักษรให้สวยงาม
จะเป็นแรงบันดาลใจให้อยากรู้ อยากดู อยากเห็น
มากกว่ารูปแบบอักษรธรรมดา การสร้างรูปแบบตัวอักษรทำได้ 2 ทางคือ การจินตนาการรูปแบบใหม่สำหรับงานนั้นๆ
โดยเฉพาะกับการเลือกใช้อักษรสำเร็จที่ออกแบบไว้เป็นมาตรฐานทั่วไป การใช้อย่างไรจึงต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับแนวการออกแบบสื่อชิ้นนั้น
ๆ ด้วย
4.1.3 สีของตัวอักษร การกำหนดเกี่ยวกับเรื่องสี
เพื่อที่จะเน้นข้อความให้เด่นชัดขึ้น สวยงามขึ้น ในการกำหนดสีให้ยึดหลัก 3 ประการ คือ ค่าน้ำหนักของสี (Tone of Color) สีของตัวอักษรควรมีค่าน้ำหนักที่ตัดกันกับสีพื้น
และควรเป็นสีที่แย้งกันกับสีพื้นให้มากที่สุด การตัดกันมากทำให้มีความเด่นชัดของตัวอักษรมาก
สีใกล้เคียงกันทำให้ความชัดเจนลดลงและอ่านยากขึ้น วิธีการง่ายๆ
คือใช้วงล้อสีธรรมชาติ โดยใช้สีที่อยู่ตรงกันข้ามกันของวงล้อสี
ก็จะช่วยให้ตัวอักษรเด่นชัดขึ้น สีของตัวอักษรต้องไม่ใช้หลายสีจนเกินไป
ภายใน 1 หน้ากระดาษ ข้อความเดียวกัน ควรใช้สีเดียวกัน และไม่ควรใช้สีตัดกัน
ระหว่างสีพื้นกับสีของตัวอักษรเพราะจะทำให้ลายตา
ควรใช้สีให้เหมาะสมกับคำหรือข้อความนั้นๆ เช่น ข้อความที่เน้นความเร่าร้อน
ตื่นเต้น อาจใช้สีแดง สีส้ม ข้อความที่กล่าวถึงความสงบ นิ่ง ความเย็น
อาจใช้สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า
4.2 การออกแบบและสร้างภาพประกอบ
การออกแบบและสร้างภาพประกอบเรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับหนังสือเนื่องจากการที่มีการนำภาพวาด
หรือภาพการ์ตูนเข้ามามีส่วนร่วมในหนังสือ จะช่วยส่งเสริมทักษะในการอ่าน การมอง และการเขียนได้เป็นอย่างมาก
และใช้ประกอบกับเนื้อหาทำให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
นางวันเพ็ญ จิ๋วแก้ว : โครงการการพัฒนาคุณธรรมส่งเสริมความมีวินัยเด็กปฐมวัยโดยใช้
ชุดนิทานป๊อบอัพ วิชาเอกประถมศึกษาจากสถาบันการศึกษา
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์
เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดนิทานป๊อบอัพ (Pop Up) ส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรม
ด้านความมีวินัย และหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กปฐมวัย ที่เรียนรู้ด้วยชุดนิทานป๊อบอัพ
(Pop Up) ส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรม ด้านความมีวินัย และยังหาความพึงพอใจของของเด็กปฐมวัย
ที่มีต่อชุดนิทานป๊อบอัพ (Pop Up) ส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรม
ด้านความมีวินัย ผู้วิจัยต้องการแก้ปัญหาการขาดคุณธรรมด้านความมีวินัยของเด็ก ปฐมวัย เด็กปฐมวัยมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้เกี่ยวกับคุณธรรมด้าน
ความมีวินัยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เด็กปฐมวัยมีความพึงพอใจในระดับเห็นด้วยอย่างยิ่งในทุกส่วน
ชุดนิทานป๊อบอัพ (Pop Up) จึงเป็นสื่อการเรียนรู้
สำหรับเด็กปฐมวัย ที่มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
นางกนกวรรณ สนหลักสี่ : โครงการการชุดการสอนแบบบูรณาการด้วยสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
แบบเผชิญสถานการณ์จำลองและหนังสือนิทานป๊อปอัพ (Pop Up) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
หาประสิทธิภาพ หาความก้าวหน้า และหาความคิดเห็นของชุดการสอนแบบบูรณาการด้วยสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
แบบเผชิญสถานการณ์จำลองและหนังสือนิทานป๊อปอัพ (Pop Up) เรื่อง
เบญจศีล เบญจธรรม เป็นสื่อที่พัฒนานักเรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น
จากสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเผชิญสถานการณ์จำลอง และหนังสือนิทาน ป๊อปอัพ (Pop Up) ผลการวิจัยพบว่าผู้เรียนมีความคิดเห็นต่อได้แสดงความคิดเห็น
ในแต่ละส่วนเช่น ส่วนนำ ด้านการนำเสนอเนื้อหาการ
ด้านการออกแบบสรุปได้ว่าอยู่ในระดับความคิดเห็นที่ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่จะนำไปใช้ในการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้
วินัดดา
อุทัยรัตน : โครงการออกแบบหนังสือสามมิติ
เรื่อง สุดสาคร สาขาเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อนี้นาเสนอการออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่อง สุดสาคร
โดยมุงเน้นให้เป็นหนังสือประเภทสงเสริม การอานถือวาเปนสื่อการเรียน
(Instructional
media) ชนิดหนึ่ง สำหรับนักเรียนชวงชั้นที่
1 โดยมีวัตถุประสงคใน การวิจัย
เพื่อศึกษาและออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่องสุดสาคร สรุปได้ว่าการออกแบบหนังสือสามมิติ
เรื่อง สุดสาคร สามารถนำไปใช้งานกับกลุ่มเป้าหมายได้ และนำไปเป็น แนวทางการออกแบบพัฒนาหนังสือสามมิติเรื่องอื่นๆ
ต่อไปได้
บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
การออกแบบที่ดีนั้นควรเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจในภาพรวมของงานทั้งหมดก่อน
แล้วจึงออกแบบในรายละเอียดปลีกย่อยของงาน
โดยต้องมีการวางแผนการดำเนินงานให้เป็นระบบ เพื่อให้ผลงานนั้นสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
การที่ผู้วิจัยได้ศึกษาเกี่ยวกับงานทางด้านการออกแบบหนังสือ และได้ทำการออกแบบหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เล่มนี้ ผู้วิจัยได้มีแนวคิดและกำหนดรายละเอียดสำหรับการออกแบบโดยรวมซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้
1. ขั้นตอนการวางแผนก่อนการผลิตผลงาน
(Pre Production Stage)
1.1 ตั้งสมมติฐาน
1.2 การศึกษารวบรวมข้อมูลจากเอกสาร (Documentary
Research)
1.3
การศึกษาตัวอย่างจากกรณีศึกษา (Case Study)
2. การกำหนดแบบร่างทางความคิด การพัฒนาแบบตามวัตถุประสงค์และสมมติฐาน
2.1
แบบร่างตัวละคร (character
design)
2.2
แบบร่างทางความคิด (Concept
Dummy)
3. ขั้นตอนการพัฒนาและการผลิตผลงาน (Development
and Production Stage)
3.1
การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
3.2
ผลิตผลงานจริงตามวัตถุประสงค์และสมมติฐานที่ได้กำหนดไว้
3.3 ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์
4. ขั้นตอนหลังการผลิตผลงาน (Post
Production Stage)
4.1 ทำการเผยแพร่งานวิจัย
4.2 การตรวจสอบ
ทดสอบและสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงาน
4.3 การวิเคราะห์สรุปผลงาน
อภิปรายและข้อเสนอแนะ
1 ขั้นตอนการวางแผนก่อนการผลิตงาน (Pre Production Stage)
การกำหนดประเด็นและการศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่างๆที่กี่ยวข้อง
(Related
Literature)
1.1 ตั้งสมมติฐาน
เมื่อทราบที่มาของปัญหาและวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว
จึงทำการกำหนดขอบเขต แนวทางในการทำงานดังนี้ คือ การออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” ขนาด 21 X 21 เซนติเมตร จำนวนหน้าทั้งหมด 14 หน้า จำนวน 1 เล่ม
1.2 การศึกษารวบรวมข้อมูลจากเอกสาร
(Documentary
Research)
ในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่เป็นแนวความคิดและผลงานวิจัย
ซึ่งแบ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารหนังสือ
การรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบลักษณะต่างๆ ของหนังสือสามมิติ เช่น ความรู้เกี่ยวกับยุงลาย
หลักการออกแบบและจัดทำหนังสือสามมิติ เมื่อได้ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้แล้วก็ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ได้แนวทางและองค์ความรู้โดยรวมในการทำงานได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
1.3 การศึกษาตัวอย่างจากกรณีศึกษา
(Case
Study)
จากการศึกษางานด้านการออกแบบหนังสือสามมิติ
และการออกแบบภาพประกอบหนังสือ ทำให้ได้ทราบว่าในการออกแบบหนังสือสามมิติ
และการออกแบบภาพประกอบหนังสือนั้นมีขั้นตอนและวิธีทำอย่างไร เพื่อจะได้นำเอาประโยชน์ที่ได้จากการศึกษาตัวอย่างนี้มาใช้ในงานออกแบบงานวิจัยต่อไป
2
การกำหนดแบบร่างทางความคิด การพัฒนาแบบตามวัตถุประสงค์และสมมติฐาน
การกำหนดแบบร่างทางความคิดนั้นเริ่มต้นจากการกำหนดเนื้อเรื่องว่าแต่ละส่วนนั้นมีเนื้อหาอย่างไร
แล้วตีความของเนื้อเรื่องนั้นๆให้ออกมาเป็นรูปภาพ โดยจะต้องคำนึงถึงในขั้นตอนของการทำ Pop-up ด้วย โดยจะเน้นให้มีความตื่นเต้น น่าสนใจ และสามารถแสดงให้เห็นว่า
วงจรชีวิตของยุงลาย นั้นเป็นอย่างไร
2.1 แบบร่างตัวละคร (character
design)
ในการออกแบบภาพประกอบหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เล่มนี้ มีขั้นตอนของการสร้างแบบร่างทางความคิดนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะต้องออกแบบให้เหมาะสม
2.2 แบบร่างทางความคิด (Concept Dummy)
ในการออกแบบภาพประกอบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เล่มนี้
ได้ทำการแบ่งเนื้อหาเป็น 6 ส่วน
โดยกำหนดจากเนื้อหาที่ต้องการแสดง เพื่อให้ง่ายต่อการออกแบบและจัดทำหนังสือ
ซึ่งในขั้นตอนของการสร้างแบบร่างทางความคิดนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะต้องออกแบบให้เหมาะสมกับเด็ก ซึ่งแบบที่ได้ทำการออกแบบนั้นจะต้องมีการตีความจากเนื้อหาในแต่ละส่วนของหนังสือก่อนเป็นอันดับแรก
แล้วจึงทำการร่างแบบออกมาตามเนื้อเรื่องให้มีความสอดคล้องกัน
ในขั้นตอนนี้ผู้วิจัยได้ทำการร่างแบบโดนการ สเก็ตรูปเล่ม DUMMY ไว้ ดังนี้
2.2.1 การออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย”ขั้นตอนการทำนั้นเริ่มจากการร่างแบบตามเนื้อหา
ซึ่งแบ่งเป็น ปกหน้าและปกหลัง
ส่วนที่ 1 วงจรชีวิตของยุงลาย
ส่วนที่ 2 ลักษณะของยุงลาย
และแหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย
ส่วนที่ 3 โรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นได้อย่างไร
ส่วนที่ 4 วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก
ส่วนที่ 5 วิธีการป้องกัน และกำจัด ลูกน้ำ,ยุงลาย
ส่วนที่ 6 ผลของการป้องกันโรคไข้เลือดออก
เมื่อร่างแบบตามเนื้อหาที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว
ก็นำไปออกแบบและสร้างสรรค์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นอันดับต่อไป
3 ขั้นตอนการพัฒนาและการผลิตผลงาน
(Development
and Production Stage)
3.1 การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
งานออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” สามารถนำไปผลิตได้จริง โดยเริ่มต้นจากการร่างแบบร่างสเก็ตรูปเล่ม
DUMMY ลงบนกระดาษ แล้วนำไปทำการออกแบบ สร้างสรรค์
และปรับปรุงด้วยคอมพิวเตอร์ในโปรแกรม Adobe
Illustrator CS6 ให้เสร็จสมบูรณ์ จากนั้นทำการกำหนด ตั้งค่าให้ได้เท่ากับขนาดที่กำหนดและวางแผนไว้
จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการพิมพ์ออกมาเพื่อนำไปทำเป็น Pop-up ก่อนที่จะประกอบเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์ในหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย”
3.2
ผลิตผลงานจริงตามวัตถุประสงค์และสมมติฐานที่ได้กำหนดไว้
ในการออกแบบหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” ได้กำหนดขอบเขตของการทำงานไว้
คือ หนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” ใช้กระดาษอาร์ตการ์ด 300 แกรม หนังสือสามมิติมีขนาด 21 X 21 เซนติเมตร
จำนวนหน้าทั้งหมด 14 หน้า จำนวน 1 เล่ม เพื่อตอบสนองกลุ่มเด็กวัยเรียน
อายุ 6-12 ปี ให้หันมาสนใจการอ่านมากยิ่งขึ้น
3.3 ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์
เมื่อเสร็จจากขั้นตอน การประกอบชิ้นงานตามแนวความคิดแล้ว
ก็เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการผลิตหนังสือสามมิติ เรื่องของ “วงจรชีวิตของยุงลาย”
4 ขั้นตอนหลังการผลิตผลงาน
(Post
Production Stage)
4.1 ทำการเผยแพร่งานวิจัย
นำผลงานที่สำเร็จแล้ว ซึ่งก็คือ หนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” ไปเผยแพร่ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้และผู้ที่สนใจ
ว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่
4.2 การตรวจสอบ
ทดสอบและสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงาน
ใช้แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจในผลงานการออกแบบ หนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” จำแนกตามประเด็นของสมมติฐาน
จำนวน 20 ชุด เพื่อใช้เป็นแบบสอบถาม โดยแบ่งประเด็นของแบบสอบถามเป็น
2 ส่วน ดังนี้
ตอนที่ 1
ลักษณะทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน
ความรู้ทางด้านศิลปปะและการออกแบบ และความถี่เฉลี่ยในการเข้าชมนิทรรศการ
ตอนที่ 2
ความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถาม “หนังสือสามมิติ เรื่อง
วงจรชีวิตของยุงลาย” ของ นายสรายุทธ งามระเบียบ ที่นำเสนอ
ซึ่งคำถามในส่วนนี้ได้แก่ความเห็นเรื่องกระบวนการผลิตผลงาน และภาพรวมของผลงาน
4.3 การวิเคราะห์สรุปผลงาน
อภิปรายและข้อเสนอแนะ
เป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อสรุปผลงานทั้งหมดที่ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์ออกมา
และวิเคราะห์ว่ามีความสอดคล้องกับสมมติฐานและวัตถุประสงค์หรือไม่
พร้อมข้อเสนอแนะอื่นๆ ที่ผู้วิจัยได้จากการทำการวิจัยครั้งนี้
5
ประชากรในการวิจัย
5.1 ผลงานการออกแบบ – เขียนแบบ
จากการร่างแบบของงานก่อนการพิมพ์เล่มจริงนั้นทำให้สามารถทราบถึงปัญหาของงานว่าเป็นเช่นไร
และสามารถทำการแก้ไขให้งานนั้นสมบูรณ์ขึ้นได้ด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้ผลงานนั้นเกิดความสวยงามและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
แล้วยังสามารถใช้เป็นต้นแบบจริงเพื่อตั้งแสดงงานนิทรรศการ การออกแบบหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” ที่สามารถใช้เป็นต้นแบบจริงตามวัตถุประสงค์และสมมติฐาน
5.2
จัดทำเอกสารรูปเล่มรวมงานสรุปผลการวิจัย
หลังจากที่ได้ทำการออกแบบ และจัดทำผลงานจริงเรียบร้อยแล้ว
จึงดำเนินการจัดทำเอกสารรูปเล่มรวมผลงานเพื่อทำการสรุปเนื้อหา และ
เพื่อนำไปเผยแพร่ผ่านทางอินเตอร์เน็ตที่ blogspot.com
6 เครื่องมือในการวิจัย
6.1 โปรแกรมคอมพิวเตอร์
6.1.1 โปรแกรม Adobe
Illustrator CS6 ใช้ในการออกแบบ CHARACTER
6.1.2
โปรแกรม Microsoft
Word 2007 ใช้ในการพิมพ์เนื้อหาของงานวิจัย
6.2 แบบสอบถาม
6.2.1 แบบสอบถามความคิดเห็นและความพึงพอใจจากบุคคลที่ชมหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” จำนวน 20 ชุด
7 ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล
ระยะเวลาทั้งหมด 12 เดือน
กิจกรรม / ขั้นตอนการดำเนินงาน
|
ระยะเวลาในการดำเนินงาน
|
|||||||||||
มิ.ย.
56
|
ก.ค.
56
|
ส.ค.
56
|
ก.ย.
56
|
ต.ค.
56
|
พ.ย
56
|
ธ.ค.
56
|
ม.ค.57
|
ก.พ.57
|
มี.ค.57
|
เม.ย57
|
พ.ค.57
|
|
1.ขั้นตอนการวาง
แผนก่อนการผลิตงาน (Pre
- Production Stage)
|
||||||||||||
2.
การกำหนดแบบร่างทางความคิดการพัฒนาแบบตามวัตถุประสงค์ และ
สมมติฐาน (Concept Render) |
||||||||||||
3.
ขั้นตอนการพัฒนาและการผลิตผลงาน
(Development
and Production Stage)
|
||||||||||||
4.
ขั้นตอนหลังการผลิตผลงาน (Post - Production Stage)
|
||||||||||||
ตารางที่
2 แผนการดำเนินงานตลอดโครงการ
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
บทที่ 4
การวิเคราะห์ข้อมูล
การออกแบบที่ดีนั้นควรเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจในภาพรวมของงานทั้งหมดก่อน
แล้วจึงออกแบบในรายละเอียดปลีกย่อยของงาน
โดยต้องมีการวางแผนการดำเนินงานให้เป็นระบบ
เพื่อให้ผลงานนั้นสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ การที่ผู้วิจัยได้ศึกษาเกี่ยวกับงานทางด้านการออกแบบหนังสือ
และได้ทำการออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เล่มนี้
ผู้วิจัยได้มีแนวคิดและกำหนดรายละเอียดสำหรับการออกแบบโดยรวมซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้
1. ขั้นตอนการวางแผนก่อนการผลิตผลงาน
(Pre Production Stage)
1.1 ตั้งสมมติฐาน
1.2
การศึกษารวบรวมข้อมูลจากเอกสาร (Documentary Research)
1.3
การศึกษาตัวอย่างจากกรณีศึกษา (Case Study)
2. การกำหนดแบบร่างทางความคิด
การพัฒนาแบบตามวัตถุประสงค์และสมมติฐาน
2.1 แบบร่างตัวละคร (character
design)
2.2 แบบร่างทางความคิด (Concept Dummy)
3. ขั้นตอนการพัฒนาและการผลิตผลงาน (Development
and Production Stage)
3.1 การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
3.2
ผลิตผลงานจริงตามวัตถุประสงค์และสมมติฐานที่ได้กำหนดไว้
3.3 ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์
4. ขั้นตอนหลังการผลิตผลงาน (Post
Production Stage)
4.1 ทำการเผยแพร่งานวิจัย
4.2 การตรวจสอบ ทดสอบและสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงาน
4.3 การวิเคราะห์สรุปผลงาน
อภิปรายและข้อเสนอแนะ
1. ขั้นตอนการวางแผนก่อนการผลิต (Pre
Production Stage)
1.1
ตั้งสมมติฐาน
การออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เล่มนี้ เมื่อทราบที่มาของปัญหาและวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว
จึงทำการกำหนดขอบเขต แนวทางในการทำงานดังนี้ คือ การออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่อง
“วงจรชีวิตของยุงลาย” ขนาด 21 X
21 เซนติเมตร จำนวนหน้าทั้งหมด 14 หน้า จำนวน
1 เล่ม โดยใช้โปรแกรม
Adobe Illustrator CS6 ในการออกแบบและการจัดทำรูปเล่ม
1.2
การศึกษารวบรวมข้อมูลจากเอกสาร (Documentary Research)
จากการที่ได้ศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวกับหนังสือสามมิติ ทำให้ได้ทราบถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับหนังสือสามมิติ ว่าหนังสือสามมิติมีความโดดเด่นอย่างไร
เพื่อที่จะนำไปใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำหนังสือสามมิติ จากนั้นได้เลือกทำหนังสือสามมิติ
ในเรื่องของ “วงจรชีวิตของยุงลาย” ที่มีความน่าสนใจ
ซึ่งแบ่งเป็น
ปกหน้า และปกหลัง
ส่วนที่ 1
วงจรชีวิตของยุงลาย
ส่วนที่ 2 ลักษณะของยุงลาย และแหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย
ส่วนที่ 3 โรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นได้อย่างไร
ส่วนที่ 4 วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก
ส่วนที่ 5 วิธีการป้องกัน
และกำจัด ลูกน้ำ,ยุงลาย
ส่วนที่ 6 ผลของการป้องกันโรคไข้เลือดออก
เมื่อร่างแบบตามเนื้อหาที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว
ก็นำไปออกแบบและสร้างสรรค์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นอันดับต่อไป
1.2.1 แนวความคิดในการออกแบบ ผู้วิจัยได้ศึกษาปัญหา และทฤษฎี ของการออกแบบหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย”
เล่มนี้ออกแบบจากแนวคิดที่จะเป็นองค์ความรู้ในเรื่องของยุงลาย โดยถ่ายทอดออกมาผ่าน
pop up จัดทำตามหลักองค์ประกอบศิลป์ ให้มีความเหมาะสม มีจุดเด่น
และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
1.2.2 หลักการออกแบบสิ่งพิมพ์ สิ่งพิมพ์ที่พบเห็นโดยทั่วไปประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายอย่าง
การออกแบบสิ่งพิมพ์จึงต้องคำนึงถึงการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ดังกล่าวเข้าด้วยกัน โดยใช้หลักการดังนี้
ทิศทางการเคลื่อนไหว เอกภาพและความกลมกลืน ความสมดุล สัดส่วน ความแตกต่าง ลีลา จังหวะ
และการซ้ำ เมื่อเราออกแบบโดยใช้หลักการสำคัญเหล่านี้มาจัดวางให้ได้ตรงตามองค์ประกอบศิลป์แล้ว
ผลงานที่เราได้ทำการออกแบบนั้นจะออกมาตรงตามที่เราต้องการอย่างสมบูรณ์แบบ
1.2.3
ภาพประกอบหนังสือสำหรับเด็ก
หนังสือสำหรับเด็ก นอกจากเนื้อหาของหนังสือที่ส่งเสริมในการเรียนรู้
และสร้างประสบการณ์สำหรับเด็กแล้ว ภาพประกอบยังมีบทบาทสำคัญอย่างสูง ในการที่จะทำให้เด็กกระตือรือร้นที่จะสนใจในเนื้อหาและความรู้ในหนังสือ
ดังนั้นภาพประกอบสำหรับเด็กจึงมีบทบาทและหน้าที่สำคัญเป็นอย่างมาก
จากการออกแบบและการคิดสร้างสรรค์ที่ดี
โดยนักวาดภาพประกอบที่มีคุณสมบัติของนักวาดภาพประกอบหนังสือสำหรับเด็กที่พึ่งมี
ภาพประกอบหนังสือสำหรับเด็กในปัจจุบัน
มีรูปแบบและเทคนิคการสร้างสรรค์ที่หลากหลายน่าสนใจต่อเด็กเป็นอย่างมาก
รวมถึงระบบการพิมพ์สมัยใหม่ ที่ทำให้ภาพประกอบหนังสือสำหรับเด็กงดงามและมีความสมบูรณ์แบบ
1.2.4 การออกแบบ และจัดทำหนังสือ
นักออกแบบจะต้องหาวิธีการที่จะดึงดูดผู้อ่านให้หันมาติดตามอ่านหนังสือเล่มนั้น
ตั้งแต่ปกหน้าจนถึงปกหลังด้วยความสนใจ การดูว่าการออกแบบหนังสือประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น
จะดูจากรูปเล่มของหนังสือ ว่าน่าจับต้อง หน้าอ่านหรือไม่ มีการจัดวางองค์ประกอบที่น่าอ่าน
น่าสนใจเพียงใด ผลงานการออกแบบนั้นจะต้องไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกสับสน หรือน่าเบื่อ ในทางตรงกันข้าม
นักออกแบบจะต้องใช้ความพยายามที่จะทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกสนใจในรูปเล่มทางกายภาพเบื้องต้น
และเมื่อพลิกเข้าไปด้านในก็เกิดความรู้สึกอยากติดตามอ่านเนื้อหาในหนังสือ การออกแบบ
และจัดทำหนังสือที่ดี ควรทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาประโยคต่อประโยค
ย่อหน้าต่อย่อหน้า เรื่องต่อเรื่อง สัมพันธ์กันไปตลอดทั้งเล่ม
ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะที่สำคัญของการออกแบบหนังสือไว้ได้นั่นเอง
1.2.5 ยุงลาย
เป็นภาหะนำโรคไข้เลือดออก ยุงลายมักออกหากินในตอนกลางวัน
แต่มักหลบซ่อนอยู่ในที่มืดๆ ชอบวางไข่ไว้ตามแหล่งน้ำนิ่งๆ
หรือน้ำขังที่สะอาดอย่างเช่น น้ำในตุ่มหรือโอ่งที่ไม่มีฝาปิดให้มิดชิด
น้ำในจานรองกระถางต้นไม้ น้ำในจานรองขาตู้ น้ำในแจกัน หรือแม้แต่กระป๋อง
และขันน้ำเก่าๆ ที่วางตั้งทิ้งไว้แล้วปล่อยให้มีน้ำขังอยู่นานๆ ก็อาจจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้
ไข้เลือดออก เป็นโรคอันตรายที่เราต้องระวังกันให้ดี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เพราะเป็นช่วงที่ยุงลายแมลงร้าย
ซึ่งเป็นพาหนะของโรคไข้เลือดออกชุกชุมที่สุด
1.3 การศึกษาตัวอย่างจากกรณีศึกษา
(Case
Study)
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากตัวอย่างที่เป็นกรณีศึกษา
แล้วนำมาสรุปเป็นแนวทาง ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการออกแบบ
เพื่อจะได้นำเอาประโยชน์ที่ได้จากการศึกษาตัวอย่างนี้มาใช้ในงานออกแบบวิจัยต่อไปโดยมีรายละเอียด
ดังนี้
1.3.1 กรณีศึกษาที่
1 หนังสือสามมิติ
(Pop-up
books) หนังสือสัมผัส ชุด สิ่งของไกล้ตัว
ภาพที่ 1 หนังสือสามมิติ
(Pop-up
books) หนังสือสัมผัส ชุด สิ่งของไกล้ตัว
เรื่องโดย : ผศ.เอื้อพร สัมมาทิพย์ (โอนพรัตน์วิบูล)
ภาพโดย : จิติมา เฮงวินิจ
(ที่มา : นายสรายุทธ
งามระเบียบ)
วิเคราะห์การออกแบบ
หนังสือสามมิติ
(Pop-up
books) หนังสือสัมผัส ชุด สิ่งของใกล้ตัว
เป็นหนังสือสำหรับเด็ก มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับสิ่งของใกล้ตัว
โดยนำเอาสิ่งของที่มีอยู่ใกล้ตัวเรานั้น มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสำหรับเด็กที่แสดงให้เห็นถึงการใช้สิ่งของที่มีอยู่ใกล้ตัวให้เกิดประโยชน์อย่างมากที่สุด
ซึ่งมีภาพประกอบที่สวยงาม น่าสนใจ และมีสีสันที่สดใส
ข้อดี
|
ข้อด้อย
|
สิ่งที่นำมาใช้
|
1.เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับเด็ก
ภาพประกอบมีสีสันสดใส และสวยงาม
|
1.ภาพประกอบบางส่วน เข้าใจยาก สำหรับเด็ก
|
1.การเลือกใช้สี ที่เหมาะสมกับหนังสือเด็ก
|
2.ภาพประกอบของหนังสือดูแล้วเข้าใจได้ง่าย
|
2.เป็นหนังสือที่มีภาพประกอบเป็นส่วนใหญ่
มีเนื้อหาน้อยเกินไป
|
2.การสร้างภาพประกอบ
ที่ดูแล้วเข้าใจได้ง่าย
|
ตารางที่ 3 ตารางวิเคราะห์ข้อมูลกรณีศึกษาที่ 1
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
1.3.2
กรณีศึกษาที่ 2 ภาพประกอบหนังสือสามมิติ (Pop-up books) เรื่อง Princess
Pearl
ภาพที่ 2 ภาพประกอบหนังสือสามมิติ (Pop-up books) เรื่อง Princess
Pearl
เรื่องโดย : Emma
Thomson
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
วิเคราะห์การออกแบบ
หนังสือสามมิติ (Pop-up
books) เรื่อง Princess Pearl เป็นหนังสือภาพประกอบเรื่องเล่านิทานสำหรับเด็ก
ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยใต้ท้องทะเล ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ถึงโลกใต้ท้องทะเล
ข้อดี
|
ข้อด้อย
|
สิ่งที่นำมาใช้
|
1.เป็นภาพประกอบที่มีสีสันที่สดใส
สวยงาม เหมาะสำหรับเด็กเป็นอย่างดี
|
1.บางภาพมีขนาดเล็กเกินไป
ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน
|
1.การสร้างภาพประกอบ
ที่โดดเด่น
|
2.ภาพประกอบมีลูกเล่นที่หลากหลาย
|
2.เนื้อหาในเล่มมองดูยากสำหรับเด็ก
|
2.การเลือกใช้สีที่เหมาะสมสำหรับเด็ก
|
ตารางที่ 4 ตารางวิเคราะห์ข้อมูลกรณีศึกษาที่ 2
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
1.3.3
กรณีศึกษาที่ 3 หนังสือสามมิติ (Pop-up books) เรื่อง นุ่มนิ่มจอมซน
ภาพที่ 3
ภาพประกอบหนังสือสามมิติ (Pop-up
books) เรื่อง นุ่มนิ่มจอมซน
เรื่องโดย :
ปิยนุช วงษ์กาญจนรัตน์
ภาพโดย :
โดย วินิจ ยีสมัน
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
วิเคราะห์การออกแบบ
หนังสือสามมิติ (Pop-up
books) เรื่อง นุ่มนิ่มจอมซน
เป็นหนังสือสำหรับเด็ก ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสัตว์ที่มีนิสัยซุกซน
ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ถึงมารยาทและความมีระเบียบวินัย ที่ได้สร้างสรรค์ผ่านหนังสือเล่มนี้ เนื้อหาที่นำเสนอ ได้แก่ สัตว์จำพวก แพะ หมี ลิง และวัว เป็นต้น
ข้อดี
|
ข้อด้อย
|
สิ่งที่นำมาใช้
|
1.ภาพประกอบของหนังสือ ดูแล้วเข้าใจได้ง่าย
|
1.สีที่ใช้ในการออกแบบในหนังสือเล่มนี้ดูจืดไป
ยังไม่สวยงาม
|
1.ลูกเล่นในเล่มที่น่าสนใจ
|
2.ภาพประกอบมีลูกเล่นที่หลากหลาย
|
2.เป็นหนังสือที่มีภาพประกอบเป็นส่วนใหญ่
มีเนื้อหาน้อยเกินไป
|
2.การออกแบบตัวละครให้มีความโดดเด่น
และชัดเจน
|
ตารางที่
5 ตารางวิเคราะห์ข้อมูลกรณีศึกษาที่ 3
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
2.
การกำหนดแบบร่างทางความคิด การพัฒนาแบบตามวัตถุประสงค์และสมมติฐาน
การออกแบบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
และทำความเข้าใจในเนื้อหาของหนังสือ
แล้วจึงตีความหมายออกมาเป็นรูปภาพตามแนวความคิดที่ได้กำหนดไว้คือ การออกแบบหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” ผู้วิจัยต้องการให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของยุงลาย
ผ่านทางหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เล่มนี้ ซึ่งในการออกแบบภาพประกอบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เล่มนี้จะเน้นในเรื่องของสีสันที่สดใส
เข้าใจได้ง่าย น่าสนใจอยู่ตลอดเวลาทุกทีที่ได้เปิดอ่าน และยังสอนให้เด็กได้รู้ถึงภัยอันตรายที่เกิดขึ้นจากยุงลายอีกด้วย
โดยผู้วิจัยได้ดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมด ดังต่อไปนี้
2.1 แบบร่างตัวละคร (character
design)
ในการออกแบบภาพประกอบหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เล่มนี้ มีขั้นตอนของการสร้างแบบร่างทางความคิดนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะต้องออกแบบให้เหมาะสมกับเด็ก ซึ่งได้แบบออกเป็นดังนี้
ภาพที่ 4 ภาพแบบร่างตัวละคร
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
2.2 แบบร่างทางความคิด (Concept Dummy)
ในการออกแบบภาพประกอบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เล่มนี้
ได้ทำการแบ่งเนื้อหาเป็น 6 ส่วน
โดยกำหนดจากเนื้อหาที่ต้องการแสดง เพื่อให้ง่ายต่อการออกแบบและจัดทำหนังสือ
ซึ่งในขั้นตอนของการสร้างแบบร่างทางความคิดนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะต้องออกแบบให้เหมาะสมกับเด็ก ซึ่งได้แบบออกเป็นดังนี้
ภาพที่ 5 ภาพแบบร่างทางความคิด ส่วนที่ 1 วงจรชีวิตของยุงลาย
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
2.2.1 ส่วนที่ 1
วงจรชีวิตของยุงลาย มีแนวคิดในการออกแบบ คือ เป็นตัวยุงลาย ไข่ ลูกน้ำ ตัวโม่ง จัดว่างตามความเหมาะสม
ตามองค์ประกอบที่ผู้วิจัยได้กำหนดไว้ ซึ่งตัวยุงลาย ไข่ ลูกน้ำ ตัวโม่ง นั้น
สามารถแสดงให้เห็นเป็น Pop up ได้ นำเสนอเนื้อให้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของยุงลาย
พื้นหลังเป็นลายฟองอากาศ ออกแบบให้เข้ากับเนื้อหาของความหมายที่จะสื่อออกไป รูปแบบของภาพประกอบที่ทำการออกแบบนั้นเน้นให้มีความน่าสนใจ
สดใส เพื่อสร้างความประทับใจให้ แก่เด็ก
ในการออกแบบภาพประกอบนี้จะเน้นเป็นการ์ตูน ไม่เน้นความสมจริง โดยยังออกแบบภาพประกอบแต่ละส่วนให้สามารถเชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกัน
เพื่อให้สามารถสื่อสารผ่านทางภาพประกอบได้ชัดเจน และเหมาะสม
ภาพที่ 6 ภาพแบบร่างทางความคิด ส่วนที่ ส่วนที่ 2
ลักษณะของยุงลาย
และแหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
2.2.2 ส่วนที่ 2 ลักษณะของยุงลาย และแหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย
มีที่มา และแนวคิด ในการออกแบบคือ นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับยุงลาย
และแหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย จึงทำการออกแบบโดยสร้างองค์ประกอบหลายๆอย่างขึ้นมา
ด้านบนเป็นยุงลายตัวใหญ่อยู่ 2 ตัว พื้นหลังเป็นลายฟองอากาศ
เพื่อสร้างสีสัน ทั้งลูกน้ำ และฟองอากาศจัดเรียงอย่างเหมาะสม และทำการเพิ่มฟองอากาศขึ้นมากั้นหน้ายุงลาย
เพื่อให้มีวามหลากหลายในการแสดงให้เห็นถึง Pop up และในส่วนของด้านล่างซ้ายมือ
จะมีขอความบอกถึงลักษณะของยุงลาย ส่วนด้านล่างขวามือ จะมีการสร้างความน่าสนใจ
คือมีการชักกระดาษลงมา มีข้อความที่บอกในเรื่องของแหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย รูปแบบของภาพประกอบที่ทำการออกแบบนั้นเน้นให้มีความน่าสนใจ
สดใส เพื่อสร้างความประทับใจ ในการออกแบบภาพประกอบนี้จะเน้นเป็นการ์ตูน
ไม่เน้นความสมจริง โดยยังออกแบบภาพประกอบแต่ละส่วนให้สามารถเชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกัน
เพื่อสื่อสารได้อย่างชัดเจน และเหมาะสม
ภาพที่ 7 ภาพแบบร่างทางความคิด ส่วนที่ 3 โรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นได้อย่างไร
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
2.2.3 ส่วนที่ 3 โรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นได้อย่างไร มีที่มา
และแนวคิดในการออกแบบ คือ นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ
โรคไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นจากยุงลาย
และการติดเชื้อไข้เลือดออกว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
จึงทำการออกแบบโดยสร้างองค์ประกอบหลายๆอย่างขึ้นมา ด้านบนเป็นยุงลายตัวใหญ่แสดงเป็น
pop up ยกแสดงให้เห็นถึงตัวยุงที่แสดงการกัดแขนคน
คือการดูดเลือดของขังลาย มีแขนที่ยื่นมา
โดนยุงกัด ยกลอยตัวออกมา เป็นอีกหนึ่งมิติที่สร้างมา เพื่อสร้างสีสัน
และความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงด้านล่างขวามือ จะมีการสร้างความน่าสนใจ
คือมีการชักกระดาษลงมา มีข้อความที่บอกในเรื่องที่เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก
ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร รูปแบบของภาพประกอบที่ทำการออกแบบนั้นเน้นให้มีความน่าสนใจ
สดใส เพื่อสร้างความประทับใจ ในการออกแบบภาพประกอบนี้จะเน้นเป็นการ์ตูน
ไม่เน้นความสมจริง โดยยังออกแบบภาพประกอบแต่ละส่วนให้สามารถเชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกัน
เพื่อให้สามารถสื่อสารผ่านทางภาพประกอบได้ชัดเจน และเหมาะสม
ภาพที่ 8 ภาพแบบร่างทางความคิด ส่วนที่ 4 วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
2.2.4 ส่วนที่ 4 วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก มีที่มา และแนวคิดในการออกแบบ
คือ นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก
ออกแบบอย่างเป็นขั้นตอน และถูกวิธี จึงทำการออกแบบโดยสร้างองค์ประกอบหลายๆอย่างขึ้นมา
ตรงกลางเป็นคุณหมอแสดงเป็น pop up ยกแสดงให้เห็นถึงตัวคุณหมอได้อย่างชัดเจน
ด้านล่างของหมอจะเป็นรูปดินสอ ยกลอยตัวออกมา เป็นอีกหนึ่งมิติที่สร้างมา เพื่อสร้างสีสัน
และความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ส่วนของด้านซ้ายมือ จะมีลูกเล่นคือจะหมุนได้
และมีข้อความบอกถึงวิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก ส่วนของด้านขวามือ
จะมีป้ายยกลอยตัวบอกถึงขั้นตอน และวิธีการรักษาโรคไข้เลือดออกอย่างถูกวิธี รูปแบบของภาพประกอบที่ทำการออกแบบนั้นเน้นให้มีความน่าสนใจ
สดใส เพื่อสร้างความประทับใจ ในการออกแบบภาพประกอบนี้จะเน้นเป็นการ์ตูน
ไม่เน้นความสมจริง โดยยังออกแบบภาพประกอบแต่ละส่วนให้สามารถเชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกัน
เพื่อให้สามารถสื่อสารผ่านทางภาพประกอบได้ชัดเจน และเหมาะสม
ภาพที่ 9 ภาพแบบร่างทางความคิด ส่วนที่ 5 วิธี การป้องกัน
และกำจัด ลูกน้ำ,ยุงลาย
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
2.2.5 ส่วนที่ 5 วิธีการป้องกัน และกำจัด ลูกน้ำ,ยุงลาย มีที่มา และแนวคิดในการออกแบบ คือ นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ วิธีการป้องกัน
และกำจัด ลูกน้ำ,ยุงลาย ออกแบบอย่างเป็นขั้นตอน และถูกวิธี จึงทำการออกแบบโดยสร้างองค์ประกอบหลายๆอย่างขึ้นมา
ในส่วนของตรงกลางด้านล่างของหน้ากระดาษจะเป็นป้ายบอกว่าหน้านี้เป็นหน้าของวิธีการป้องกัน
และกำจัด ลูกน้ำ,ยุงลาย แสดงเป็น pop up ยกส่วนของด่านบนทั้งสองฝั่ง จะเป็นในส่วนของป้ายวงกลม
ป้ายวงกลมนี้สามารถถึงแล้วยกได้
เพื่อแสดงให้หน้านี้มีความหน้าสนใจและในการเปิดด้วยการดึงนั้น
ยังมีข้อความอยู่ด้านในของวงกลมอีกด้วย
และได้บนยังมีรูปภาพประกอบกับเนื้อหาอีกด้วย
ส่วนของพื้นหลังจะแบ่งเป็นช่องๆสี่เหลี่ยม
เพื่อเป็นเป็นสิ่งของแต่ละภาชนะที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหน้านี้ รูปแบบของภาพประกอบที่ทำการออกแบบนั้นเน้นให้มีความน่าสนใจ
สดใส เพื่อสร้างความประทับใจ ในการออกแบบภาพประกอบนี้จะเน้นเป็นการ์ตูน
ไม่เน้นความสมจริง โดยยังออกแบบภาพประกอบแต่ละส่วนให้สามารถเชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกัน
เพื่อให้สามารถสื่อสารผ่านทางภาพประกอบได้ชัดเจน และเหมาะสม
ภาพที่ 10 ภาพแบบร่างทางความคิด ส่วนที่ 6 ผลของการป้องกันโรคไข้เลือดออก
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
2.2.6 ส่วนที่ 6 ผลของการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นจากยุงลาย
มีที่มา และแนวคิดในการออกแบบคือ นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ ผลของการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นจากยุงลายออกแบบอย่างเป็นขั้นตอน
และถูกวิธี จึงทำการออกแบบโดยสร้างองค์ประกอบหลายๆอย่างขึ้นมา
เนื้อหาในหน้านี้เป็นเนื้อหาหน้าสุดท้าย เนื้อหาจะเหมือนกับการสรุปจากทุกหน้า
คือบอกผลของการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นจากยุงลาย
ในส่วนของด้านซ้ายมือบนจะเป็นป้ายมีข้อความว่า หยุดไข้เลือดออก หยุดภัยใกล้ตัว เป็นป้ายยกลอย
เพื่อแสดงให้เห็นเป็นอีกมิติหนึ่ง และด้านล่างของป้าย จะมีรูปตัวยุง ยกลอยอยู่เหมือนกัน
ส่วนหน้ากระดาษด้านซ้ายจะมีข้อความบอกว่า วันที่ 15 มิถุนายน
ของทุก เป็นวันไข้เลือดออก อาเซียน และยังมีเป็นกระดาน
จะสามารถชักออกได้และมีข้อความอยู่ด้านใน จะบอกในเรื่องของผลของการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นจากยุงลาย
ภาพที่ 11 ภาพแบบร่างทางความคิด ส่วนที่ ปกหน้า และปกหลัง
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
3.
ขั้นตอนการพัฒนาและการผลิตผลงาน (Development and Production Stage)
ขั้นตอนการสร้างภาพประกอบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” เริ่มต้นจากการร่างแบบด้วยมือลงบนกระดาษ
กำหนดหน้ากระดาษไว้ที่ขนาด 21 X 21 เซนติเมตร ซึ่งในการสร้างแบบร่างทางความคิดนี้
จำเป็นต้องคำนึงถึงขั้นตอนในการสร้าง Pop up
ดังนั้นจึงต้องกำหนดส่วนที่จะเป็น Pop up ที่ยื่นออกมา ทำการออกแบบให้มีความน่าสนใจ
และน่าอ่านอย่างมากที่สุด
3.1 การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
เมื่อทำการสร้างแบบร่างทางความคิด
(Concept
Dummy) เสร็จเรียบร้อยแล้วก็นำมาพัฒนา และออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
โดยใช้โปรแกรม Adobe Illustrator CS6 เริ่มต้นการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ด้วยการออกแบบตามแบบร่างทางความคิด (Concept
Dummy) ตามที่ต้องการ
3.1.1 ขั้นตอนการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ 1 วงจรชีวิตของยุงลาย
ภาพที่ 12 ภาพการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
(ที่มา : นายสรายุทธ
งามระเบียบ)
ในการร่างเส้นด้วยโปรแกรม Adobe
Illustrator CS6
นั้นใช้ Pencil
Tool และสามารถปรับและเลือกขนาดได้ตามต้องการ
เมื่อทำการร่างเส้นเสร็จแล้วก็ทำการลงสี โดยใช้ Gradient Tool และทำการลงสี โดยสามารถปรับและไล่สีได้ เพื่อให้เกิดมิติ และเกิดสีที่สวยงาม
ซึ่งทุกๆขั้นตอนของการร่างแบบ และลงสีนั้น ต้องทำการแยก Layers เพื่อให้สะดวกต่อการแก้ไข
3.1.2 ขั้นตอนการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ 2 ลักษณะของยุงลาย และแหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย
ภาพที่ 13 ภาพการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
(ที่มา
: นายสรายุทธ งามระเบียบ)
ในการร่างเส้นด้วยโปรแกรม Adobe
Illustrator CS6
นั้นใช้ Pencil
Tool และสามารถปรับและเลือกขนาดได้ตามต้องการ
เมื่อทำการร่างเส้นเสร็จแล้วก็ทำการลงสี โดยใช้ Gradient Tool และทำการลงสี โดยสามารถปรับและไล่สีได้ เพื่อให้เกิดมิติ และเกิดสีที่สวยงาม
ซึ่งทุกๆขั้นตอนของการร่างแบบ และลงสีนั้น ต้องทำการแยก Layers เพื่อให้สะดวกต่อการแก้ไข และยังง่ายต่อการทำ Art Work สำหรับงาน Pop up อีกด้วย
3.1.3 ขั้นตอนการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ 3 โรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นได้อย่างไร
ภาพที่ 14 ภาพการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
(ที่มา
: นายสรายุทธ งามระเบียบ)
ในการร่างเส้นด้วยโปรแกรม Adobe
Illustrator CS6
นั้นใช้ Pencil
Tool และสามารถปรับและเลือกขนาดได้ตามต้องการ
เมื่อทำการร่างเส้นเสร็จแล้วก็ทำการลงสี โดยใช้ Gradient Tool และทำการลงสี โดยสามารถปรับและไล่สีได้ เพื่อให้เกิดมิติ และเกิดสีที่สวยงาม
ซึ่งทุกๆขั้นตอนของการร่างแบบ และลงสีนั้น ต้องทำการแยก Layers เพื่อให้สะดวกต่อการแก้ไข และยังง่ายต่อการทำ Art Work สำหรับงาน Pop up อีกด้วย
3.1.4 ขั้นตอนการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ 4 วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก
ภาพที่ 15 ภาพการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
(ที่มา
: นายสรายุทธ งามระเบียบ)
ในการร่างเส้นด้วยโปรแกรม Adobe
Illustrator CS6
นั้นใช้ Pencil
Tool และสามารถปรับและเลือกขนาดได้ตามต้องการ
เมื่อทำการร่างเส้นเสร็จแล้วก็ทำการลงสี โดยใช้ Gradient Tool และทำการลงสี โดยสามารถปรับและไล่สีได้ เพื่อให้เกิดมิติ และเกิดสีที่สวยงาม
ซึ่งทุกๆขั้นตอนของการร่างแบบ และลงสีนั้น ต้องทำการแยก Layers เพื่อให้สะดวกต่อการแก้ไข และยังง่ายต่อการทำ Art Work สำหรับงาน Pop up อีกด้วย
3.1.5 ขั้นตอนการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ 5 วิธี การป้องกัน
และกำจัด ลูกน้ำ , ยุงลาย
ภาพที่ 16 ภาพการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
(ที่มา
: นายสรายุทธ งามระเบียบ)
ในการร่างเส้นด้วยโปรแกรม Adobe
Illustrator CS6
นั้นใช้ Pencil
Tool และสามารถปรับและเลือกขนาดได้ตามต้องการ
เมื่อทำการร่างเส้นเสร็จแล้วก็ทำการลงสี โดยใช้ Gradient Tool และทำการลงสี โดยสามารถปรับและไล่สีได้ เพื่อให้เกิดมิติ และเกิดสีที่สวยงาม
ซึ่งทุกๆขั้นตอนของการร่างแบบ และลงสีนั้น ต้องทำการแยก Layers เพื่อให้สะดวกต่อการแก้ไข และยังง่ายต่อการทำ Art Work สำหรับงาน Pop up อีกด้วย
3.1.6 ขั้นตอนการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ 6 ผลของการป้องกันโรคไข้เลือดออก
ภาพที่ 17 ภาพการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
(ที่มา
: นายสรายุทธ งามระเบียบ)
ในการร่างเส้นด้วยโปรแกรม Adobe
Illustrator CS6
นั้นใช้ Pencil
Tool และสามารถปรับและเลือกขนาดได้ตามต้องการ
เมื่อทำการร่างเส้นเสร็จแล้วก็ทำการลงสี โดยใช้ Gradient Tool และทำการลงสี โดยสามารถปรับและไล่สีได้ เพื่อให้เกิดมิติ และเกิดสีที่สวยงาม
ซึ่งทุกๆขั้นตอนของการร่างแบบ และลงสีนั้น ต้องทำการแยก Layers เพื่อให้สะดวกต่อการแก้ไข และยังง่ายต่อการทำ Art Work สำหรับงาน Pop up อีกด้วย
3.1.6 ขั้นตอนการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ ปกหน้า และปกหลัง
ภาพที่ 18 ภาพหน้าปกหน้า และปกหลัง
(ที่มา
: นายสรายุทธ งามระเบียบ)
3.2 ผลิตผลงานจริงตามวัตถุประสงค์และสมมติฐานที่ได้กำหนดไว้
เมื่อเสร็จจากขั้นตอนการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์แล้ว
ก็มาถึงขั้นตอนของการผลิตผลงานคือ จัดทำ Pop up ซึ่งก่อนที่จะทำได้นั้นต้องทำการทำ
Art Work เพื่อส่งเข้าโรงพิมพ์
เมื่อได้ชิ้นงานที่พิมพ์ออกมาแล้วก็ถึงขั้นตอนของการสร้าง Pop up ซึ่งในขั้นตอนนี้ต้องใช้อุปกรณ์ ดังนี้ กาวลาเท็กซ์ คัตเตอร์ กรรไกร ไม้บรรทัด ปากกา
ดินสอ ยางลบ เป็นต้น
ภาพที่ 19 ภาพอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน
(ที่มา
: นายสรายุทธ งามระเบียบ)
3.2.1เริ่มต้นการทำงานด้วยการตัดชิ้นงาน ที่นำเข้าโรงพิมพ์
โดยตัดตามที่เราได้วางแผนไว้ โดยแยกเป็นชิ้นส่วน ซึ่งมีหลายส่วนด้วยกัน เช่น
พื้นหลัง character ส่วนหน้าที่เป็น Pop up และคำอธิบายเนื้อหาเป็นต้น เมื่อตัดชิ้นงานได้ตามต้องการแล้วก็เตรียมประกอบเป็น
Pop up ในขั้นตอนดังต่อไปนี้
ภาพที่ 20 ภาพการประกอบชิ้นงาน
(ที่มา : นายสรายุทธ
งามระเบียบ)
3.3 ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์
เมื่อเสร็จจากขั้นตอน การประกอบชิ้นงานตามแนวความคิดแล้ว
ก็เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการผลิตหนังสือสามมิติ เรื่องของ “วงจรชีวิตของยุงลาย”
ภาพที่ 44 ภาพผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนที่ 1 วงจรชีวิตของยุงลาย
(ที่มา : นายสรายุทธ
งามระเบียบ)
ภาพที่ 45 ภาพผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนที่
2 ลักษณะของยุงลาย และแหล่งที่อยู่อาศัยของยุงลาย
ภาพที่ 46 ภาพผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนที่ 3 โรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นได้อย่างไร
(ที่มา : นายสรายุทธ
งามระเบียบ)
ภาพที่
47 ภาพผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนที่ 4 วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
ภาพที่ 48 ภาพผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนที่ 5 วิธีการป้องกัน
และกำจัด ลูกน้ำ,ยุงลาย
(ที่มา : นายสรายุทธ
งามระเบียบ)
ภาพที่ 50 ภาพผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนที่ ปกหน้า - ปกหลัง
(ที่มา : นายสรายุทธ งามระเบียบ)
4.
ขั้นตอนหลังการผลิตผลงาน ( Post Production Stage)
4.1 ทำการเผยแพร่งานวิจัย
เมื่อทำการผลิตผลงานที่สมบูรณ์ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้มีการนำไปทดสอบ
และนำเสนอให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้
และผู้ที่สนใจว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ และเมื่อได้มีการเผยแพร่ออกแบบหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” แล้ว จึงนำผลที่ได้มาวิเคราะห์
สรุปผล และเรียบเรียงเป็นงานวิจัย เพื่อนำเสนอและเผยแพร่งานวิจัย
ในการเผยแพร่งานวิจัยนี้ได้มีการเผยแพร่ไว้ที่ blogspot.com
4.2 การตรวจสอบ
ทดสอบและสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงาน
ในการสำรวจความคิดเห็นการออกแบบภาพประกอบหนังสือสามมิติ เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย” ใช้แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจในผลงานการออกแบบ
จำแนกประเด็นตามสมมติฐาน จำนวน 20 ชุด เพื่อใช้สอบถามความคิดเห็นผู้ที่ได้ชมหนังสือสามมิติ
เรื่อง “วงจรชีวิตของยุงลาย”
เมื่อดำเนินงานวิจัยมาถึงขั้นตอนที่ได้ผลงานสมบูรณ์แล้ว
ขั้นตอนต่อไปซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย คือ การสรุปผลงานทั้งหมดที่ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์ออกมา
และวิเคราะห์ว่ามีความสอดคล้องกับสมมติฐานหรือไม่
พร้อมข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยดังที่จะกล่าวต่อไปในบทที่ 5














































